[Short Fiction] Touken Ranbu Online – คืนร่ำสุราใต้แสงจันทร์

(เป็นฟิคที่แต่งและเคยลงไว้ใน Exteen ค่ะ คนแต่งต้องการสำรองข้อมูลไว้ที่นี่ด้วยเนื่องจากไฟล์ต้นฉบับส่วนมากของเราหายไปตอนคอมติดไวรัสค่ะ)

Title: คืนร่ำสุราใต้แสงจันทร์

Author: Sarelrus Revena

Fandom: Touken Ranbu Online (刀剣乱舞)

Pairing: Ishikirimaru x Nikkari Aoe

Rating: NC

Comment: การแจวเรือนั้นไซร้ต้องอาศัยความไร้สติสตางค์เป็นหลักนะคะ กรุณาใช้จักรยานในการอ่านฟิคนี้ คำแนะนำคือให้ซดวอดก้าสัดขวดตามด้วยเบียร์อีกสักโหลแล้วฟิคจะสนุกขึ้นล้านเท่า ขอบอกอีกครั้งบอกหมอเป็นพวกซ่อนรูปและหมอแอบร้ายกาจ

.

.

.

.

 

“ทำไมข้าถึงเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้นะ” 

“เรื่องวิญญาณก็มีส่วน แต่เหตุหลักคือเพราะการคร่าชีวิตเด็กเล็ก” 

“เป็นเพราะเรื่องนั้นจริงๆด้วย” 

“ก็นะ แต่ถ้าผ่านไปหลายร้อยปีแล้วอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็เป็นได้

วันนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาได้คุยกับอิชิกิริมารุ เจ้าของนามดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพการรักษาตอนที่ออกไปสำรวจเส้นทางด้วยกัน เพราะได้ยินเสียงเล่าลือมาจากพวกเด็กๆทันโทว่าดาบที่ท่านเจ้าบ้านได้มาใหม่นั้นเป็นดาบที่ถูกถวายสักการะและมีชีวิตอยู่แต่ในศาลเจ้ามาตลอดยิ่งทำให้สนใจใคร่อยากรู้ว่าจะเป็นคนเช่นไร

การได้เจอตัวจริงก็ไม่แตกต่างจากที่คาดคิดเอาไว้นัก อีกฝ่ายเป็นคนสุภาพเรียบร้อยสมกับที่อาศัยอยู่ในเขตศาลเจ้าจริงๆ อิชิกิริมารุไม่ช่างเจรจาเฉกเช่นจิโร่ทาจิแต่ก็ไม่ใช่คนพูดน้อยแบบโอคุริคาระ ใบหน้าหล่อเหลานั้นมีรอยยิ้มเรียบๆประดับอยู่เสมอไม่เคยขาด เจ้าตัวแลดูเป็นคนใจดีและเป็นมิตรกับทุกคนในฮงมารุโดยเฉพาะกับพวกเด็กๆทันโทที่ชอบเข้าไปชวนคุยชวนเล่นด้วยกัน แถมยังเชี่ยวชาญการรักษาจนท่านซานิวะยังแอบเรียกขานด้วยชื่อเล่นว่าท่านหมอ

แม้จะได้ได้เห็นหน้าค่าตากันมาตลอดแต่ไม่เคยสบโอกาสได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการหรือพูดคุยกันเลยสักครั้ง ทุกครั้งที่เดินสวนทางเจ้าตัวก็มักจะแย้มรอยยิ้มอบอุ่นส่งให้ก่อนแยกย้ายกันไปปฏิบัติภารกิจของตนเอง การได้ร่วมทัพออกไปต่อสู้ด้วยกันในวันนั้นจึงถือเป็นเป็นการทำความรู้จักกันเป็นครั้งแรก

=====

วงน้ำชายามบ่ายวันนี้ที่มีเพียงเขา อิชิกิริมารุและท่านซานิวะ เนื่องจากสึคุโมะคามิตนอื่นๆถูกส่งออกไปสำรวจเพื่อตามหาดาบโคคิทสึเนะมารุ อีกสองกลุ่มใหญ่ก็ออกไปสำรวจหาทรัพยากรมาสำรองไว้ในฮงมารุ กลุ่มที่เหลือถ้าไม่ได้รับมอบหมายให้ออกไปดูแลม้ากับทำไร่ทำสวนก็จะปลีกวิเวกไปพักผ่อนตามห้องของตัวเอง

“นี่ ท่านอิชิกิริมารุทานขนมนี่หน่อยสิ เดี๋ยวข้าป้อนให้เลยนะ” นิคคาริหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานยามที่ยื่นซากุระโมจิที่ได้เพิ่งได้รับมาจากมิทสึทาดะมาจากในครัวไปไว้ตรงหน้าโอดาจิหนุ่มเจ้าของชื่อ

ซานิวะหญิงที่นั่งร่วมอยู่ด้วยก็พลอยหัวเราะร่วนชอบใจยามที่ได้เห็นสีหน้าลำบากใจของอิชิกิริมารุ “เอาน่าท่านหมอนิคคาริซังอุตส่าห์จะป้อนให้เลยนะคะ”

หลังจากได้ทำความรู้จักกันในวันนั้นเรียบร้อยแล้ว กิจวัตรประจำวันของเขาก็คือการหาเรื่องแกล้งดาบใหญ่เล่มนี้ นิคคาริรู้สึกหมั่นไส้กับท่าทางสงบนิ่งและคำตอบแบบเรียบเรื่อยเช่นนั้นของอีกฝ่ายเสียเหลือเกิน แน่นอนคนที่ได้รับการยกย่องให้เป็นดาบแห่งเทพการรักษาจะพูดอะไรก็ย่อมได้ทั้งสิ้น ในขณะที่เขานั้นเคยเกือบจะได้สิทธิ์นั้นเช่นเดียวกันแต่เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นทุกอย่างเลยพลิกผันไป เขากลายเป็นดาบที่มีนามเรียกขานถึงความน่าหวาดหวั่นน่ากลัว ไม่มีใครมานิยมชมชอบผิดกับอิชิกิริมารุที่กลายเป็นดาบเทพมีแต่คนมายกย่องบูชา

งานแกล้งอิชิกิริมารุนั้นกลายเป็นเรื่องจริงจังมากเสียจนเขาต้องไปนั่งปรึกษาหารือกับท่านทสึรุมารุคุนิกางะ จอมป่วนชาวบ้านชาวช่องแห่งฮงมารุกันเลยทีเดียว นิคคาริแอบยอมรับกับตัวเองในใจลึกๆว่านึกสนุกเสียเหลือเกินที่ได้เห็นสีหน้าแปลกแตกต่างไปจากปรกติของอิชิกิริมารุ ยามที่เจ้าตัวทำหน้าลำบากใจหรือไม่พึงพอใจอะไรสักอย่างแต่จนแล้วจนรอดเข้าก็ยังไม่เคยเห็นอิชิกิริมารุจะโกรธเขาอย่างจริงจังสักที อย่างมากที่สุดก็เพียงแค่ตำหนิเล็กน้อยเลยว่าสิ่งใดสมควรไม่สมควรราวกับเป็นคุณแม่ที่กำลังสั่งสอนเด็กน้อยเลยชักจะได้ใจขึ้นมาเรื่อยๆ

“อา แม้แต่ท่านหญิงก็พลอยเห็นดีเห็นงามเช่นนี้ด้วยหรือขอรับ” อิชิกิริมารุที่นั่งเก็บปลายเท้าเรียบร้อยประคองถ้วยชาร้อนในมือขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาคู่เรียวสีฟ้าเข้มคู่นั้นเหลือบมองใบหน้ายิ้มแย้มของนิคคาริก่อนจะหันมองมองหญิงสาวคนเดียวของเรือนที่กำลังนั่งหัวเราะสนุกสนาน

“แหมๆท่านหมอก็แค่ขนมชิ้นเดียวเองนะคะ อย่าคิดมาก”

“นั้นสิครับไม่ต้องเกรงใจ มาผมป้อนให้นะครับ” อิชิกิริมารุถอนหายใจน้อยๆก่อนจะพนักหน้าด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายผิดกับใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องของนิคคาริ

มือเรียวที่ยื่นขมนให้โอดาจิหนุ่มถูกคว้าไปในเสี้ยววินาทีถัดไปโดยที่เจ้าตัวยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนที่อิชิกิริมารุจะอ้าปากรับซากุระโมจิกลิ่นหอมหวานนั้นเข้าไปในปาก ปลายลิ้นของคนถูกป้อนพันเกี่ยวเข้านิ้วเรียวกวาดเก็บเศษแป้งของขนมที่ติดบนมือของเขาเกลี้ยง แม้อิชิกิริมารุจะปล่อยมือของเขากลับไปนั่งเคี้ยวขนมหงุบหงับตามเดิม นิคคาริก็ยังคงนั่งหน้าแดงซ่านใจเต้นแรงกับการกระทำที่ไม่คาดคิดเช่นนั้นของอีกฝ่ายท่ามกลางใบหน้าเหวอเหรอหราของท่านซานิวะ

“อา ฮะฮ่าๆ วันนี้ช่างสงบสุขเสียจริงๆนะ” นายหญิงเจ้าเรือนฮงมารุหัวเราะออกมาหลังจากหุบปากที่อ้าค้างลงมาได้

“อืม นั้นสินะครับ หวังว่าวันนี้พวกนั้นจะพบดาบโคคิทสึเนะมารุนะครับ” ได้ทีก็รีบเปลี่ยนเรื่องหาบทสนทนาอื่นๆขึ้นมาขัดพลางพยายามปลอบใจตัวเองที่กำลังเต้นระรัวเร็วเหมือนมีคนมาตีกลองศึกใบใหญ่อยู่กลางช่วงอก

“ข้าก็หวังแบบนั้นละ ข้าจะได้เอาโคคิสทึเนะมารุมาล่อมิคาสึกิให้มาหาพวกเราเร็วๆไง”

“แต่ข้าว่าคงยากนะครับ ฮ่าฮ่า”

“นี่อาโอเอะซัง…ข้าชอบเจ้านะ”

จู่ๆคนที่นั่งเงียบไปสักพักก็พูดโพล่งขัดออกมาแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ประโยคสั้นๆที่หลุดออกมาจากปากของอิชิกิริมารุกลางวงน้ำชาเอาเขาเผลอปล่อยทำซากุระโมจิในมือที่ตั้งท่าจะกินหล่นกลิ้งไปกับพื้นอย่างน่าเสียดาย ในขณะที่หญิงสาวคนเดียวในวงเกือบพ่นน้ำชาออกมาจากปากโดยไม่มีท่าทางของกุลสตรีแม้แต่น้อย

“อะ… ฮะฮ่าๆ นี่ล้อกันเล่นใช่ไหมครับเนี่ย” เขาพยายามแก้เกมแกล้งทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน โดยมีเสียงไอค่อกแค่กสำลักน้ำชาของท่านซานิวะดังประกอบ

“ข้าไม่ได้ล้อเล่น” เจ้าตัวยังคงยืนยันหนักแน่นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ถ้าข้าจำไม่ผิดนี่ไม่ใช่วันโกหกของพวกมนุษย์นะครับท่านอิชิกิริมารุ”

“เพราะข้าไม่ได้โกหกไงขอรับ”

“ตะ..แต่มาพูดตอนนี้มันก็ไม่เหมาะสมนะครับ” นิคคาริปฏิเสธรัวเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน

อิชิกิริมารุทำหน้างุนงงประหลาดกับคำพูดของเขาก่อนจะหันไปมองเห็นสีหน้าตกใจของท่านซานิวะหญิง โอดาจิหนุ่มถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับแย้มรอยยิ้มละไมราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร

“โอยะ ข้าคงอยู่แต่ในศาลเจ้านานเกินไปเลยไม่ค่อยรู้วิธีการของคนอื่นๆทั่วไปสินะขอรับ”

=====

คืนนี้ท่านซานิวะได้สาเกรสเลิศมาจากร้านเหล้าในเมือง นางบอกแค่ว่าเจ้าของร้านฝากมาให้อิชิกิริมารุเพราะลูกชายของเขาหายจากอาการเจ็บป่วยหนักได้หลังจากมีโอกาสได้เข้าไปสักการะเทพแห่งการรักษามาเมื่อเดือนที่แล้ว แน่นอนว่าการมาถึงสุรารสดีเช่นนี้ไม่รอดพ้นการรู้เห็นจากจิโร่ทาจิ โอดาจิแสนสวยที่ใครๆต่างพากันมองเจ้าตัวเป็นพี่สาวคนโตไปหมดแล้ว หากแต่คำสั่งของนายหญิงแห่งฮงมารุถือเป็นเด็ดขาดทำเอาจิโร่ทาจิได้แต่ยืนกระทืบเท้างอแงไม่พอใจที่ตัวเองอดลิ้มรสสาเกชั้นหนึ่งไหนี้ก่อนที่เจ้าตัวจะโดนทาโร่ทาจิผู้เป็นพี่ชายลากตัวกลับไปห้องพัก

นิคคาริโอบอุ้มไหสุราชั้นเลิศที่ได้รับมาจากหญิงสาวเพียงคนเดียวในบ้าน สายตาสองสีมองสอดส่ายหาคนที่ไม่อยู่ร่วมเล่นสนุกกับคนอื่นๆในห้องทานอาหารคืนนี้จนได้มาพบว่าอิชิกิริมารุกำลังนั่งพักผ่อนชมดาวชมเดือนอยู่ตรงชานเรือนริมสวนสวย

“อยู่ตรงนี้เองท่านอิชิกิริมารุ” เสียงเรียกของเขาดึงอัญมณีสีฟ้าคู่เรียวที่กำลังเหม่อมองดวงดาราสีเงินที่พร่างพรายประดับบนผืนนภาสีมืดให้กลับลงมาได้

อิชิกิริมารุแย้มรอยยิ้มอ่อนโยน “มีอะไรอย่างนั้นหรือขอรับอาโอเอะซัง”

“นายท่านฝากเจ้านี่มาให้นะครับ” นิคคาริว่าพูดพร้อมยกไหสุราในมือชูให้ดู

“อา ขอบใจมาก ลำบากเจ้าแท้ๆเชียวอาโอเอะซัง”

“งั้นข้ากลับเข้าไปในเรือนแล้ว” ร่างแบบบางในชุดเครื่องแบบสีนำเงินเข้มหันหลังกลับตั้งท่าจะเดินกลับเข้าด้านในหากไม่มีเสียงนุ่มเอ่ยเรียกจากคนที่ยังนั่งอยู่

“จะไม่ดื่มด้วยกันหรือขอรับอาโอเอะซัง”

จอกเหล้าสีแดงสองจอกถูกเติมเต็มด้วยของเหลวสีใสกลิ่นหอมชวนให้ลิ้มลอง  เงาของดวงจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้าสะท้อนอยู่บนน้ำใสนั้น

“ดาบศักดิ์สิทธิ์กับดาบปีศาจมานั่งร่ำสุราใต้แสงจันทร์แบบนี้ประหลาดดีแท้นะครับ” นิคคาริว่าเช่นนั้นก่อนจะคว้าจอกสุราสีใสแล้วทรุดตัวนั่งลงบนชายเรือนข้างๆร่างสูง

“ฮะฮ่าๆ นั้นสินะ” โอดาจิหนุ่มหัวเราะตอบรับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะยกจอกสีแดงสดในมือขึ้นดิ่ม

การมีเครื่องดื่มมึนเมามาเป็นตัวช่วยเช่นนี้ทำให้ทั้งเขาและอีกฝ่ายแลดูผ่อนคลายจากยามปรกติลงมาก ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานตั้งแต่เรื่องนายหญิงของฮงมารุที่ชอบทำเรื่องแปลกประหลาด สึคุโมะคามิเล่มอื่น การต่อสู้ และเรื่องสัพเพเหระทั่วไป ทั้งสองพูดคุยกับอย่างเพลิดเพลินพลัยสายตาของเขาก็เห็นว่าจอกเหล้าในมือของโอดาจิร่างใหญ่นั้นว่างเปล่าแล้ว

“มัวแต่คุยกันเพลิน ให้ข้ารินเหล้าใหม่นะครับท่านอิชิกิริมารุ?”

“ไม่เป็นไรข้ารินเองได้”

อิชิกิริมารุปฏิเสธเสียงนุ่มนวลก่อนจะเอื้อมมือมายกไหสุราเตรียมจะนำไปรินเอง เมื่อเห็นเช่นนั้นนิคคาริจึงแกล้วเอื้อมมือลงไปยกไหสุราเช่นกัน ฝ่ามือเย็นของเขาแตะโดยหลังมือของอิชิกิริมารุอย่างจงใจ โอดาจิหนุ่มนิ่งชะงักลงไปสักพักแล้วค่อยๆขยับเลื่อนฝ่ามือของตัวเองออกไปเงียบๆ

ช่างน่าแปลกยิ่งนัก หลังจากวันนั้นที่อิชิกิรมารุได้ทำการบอกรักกับเขาอย่างอุกอาจต่อหน้าท่านซานิวะไปแล้ว สึคุโมะคามิของโอดาจิเล่มนี้ก็เพียรพยายามหลบเลี่ยงหน้าของเขาตลอดเวลา ทั้งๆที่เป็นคนบอกว่าชอบเขาเองแท้ๆแต่กลับหนีหน้าและเลี่ยงจากอยู่ใกล้ๆกับเขาเสียเช่นนั้น

“ท่านหนีหน้าข้าทำไมหรือครับ”

“ข้าเปล่าหลบหน้าเจ้าสักนิดนะอาโอเอะซัง”

“ไหนท่านบอกว่าชอบข้าไงครับ” นึกสนุกอย่างไรไม่ทราบเขาถึงได้หยิบยกประเด็นวันนั้นขึ้นมาหยอกเย้าคนร่างสูงด้านข้าง “ถ้าชอบข้าจริงๆก็น่าจะแสดงออกให้เห็นชัดเจนหน่อยนะครับ”

อิชิกิริมารุยังคงนั่งนิ่งรับฟังก่อนจะเอ่ยปากถาม “ถ้าเช่นนั้นอยากให้ข้าทำยังไงละขอรับอาโอเอะซัง”

นิคคาริแย้มรอยยิ้มก่อนจะยื่นมือของตัวเองไปตรงหน้าอิชิกิริมารุ “เริ่มแรกเอาแค่ลองจับมือกันก่อนเป็นยังไงครับ”

โอดาจิหนุ่มถอนหายใจน้อยๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มอ่อนโยนให้ มือใหญ่ใต้ชุดคาริงินุยกขึ้นมาค่อยๆสัมผัสเข้ากับมือของวากิซาชิร่างบางช้าๆก่อนจะแทรกเรียวนิ้วประสานเข้ากับนิ้วของเขา ในจังหวะที่เจ้าตัวยังไม่ได้ระมัดระวังดีนิคคาริก็แนบริมฝีปากของตัวเองลงบนแก้มของอิชิกิริมารุอย่างว่องไว

“ฮะฮ่า ตกใจไหมครับท่านอิชิกิริมารุ” วินาทีนั้นเขาแทบเข้าใจความรู้สึกของทสึรุมารุคุนินางะทันทีว่าทำไมถึงได้ชอบกลั่นแกล้งชาวบ้านไปทั่วแบบนั้น

อิชิกิริมารุทำตาโตขึ้นมาเล็กน้อยราวกับประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนที่อัญมณีสีฟ้าเข้มลุ่มลึกคู่นั้นจะหรี่เล็กลง รอยยิ้มใจดีอ่อนโยนยังคงประดับบนใบหน้าของโอดาจิที่ได้สมญานามว่าดาบศักดิ์สิทธิ์ไม่เปลี่ยนแปลงแต่มันกลับทำให้คนมองรู้สึกเย็นวาบขึ้นที่หลังคออย่างบอกไม่ถูก มือใหญ่ใต้ชุดคาริงินุสีเขียวเอื้อมขึ้นมาประคองใบหน้าของเขาอย่างถนุถนอม ปลายนิ้วโป้งของอิชิกิริมารุบดเบียดเข้ากับริมฝีปากล่างของเขาเบาๆ

“อาโอเอะซัง เจ้าลืมไปหรือเปล่า” น้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบเฉยเอ่ยขึ้นเบาๆ “ก่อนข้าจะถูกนำมาไว้ที่ศาลเจ้าข้าก็เคยมีชีวิตทางโลกมาก่อนนะ”

“ข้าพยายามอดทนอดกลั้นอยู่ แต่ดูเหมือนอาโอเอะซังนั้นจะไม่เคยระมัดระวังตัวเองเอาเสียเลยนะขอรับ”

=====

ปลายนิ้วเรียวสวยบรรจงกดลากไปตามผิวกายขาวผ่องช่วงไหปลาร้า รังสรรค์ริ้วรอยสีแดงบางๆไปตามทางที่เคลื่อนผ่าน ก่อนที่มือซุกซนจะค่อยๆเลื่อนไหลเข้าเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตสีขาว นัยน์ตาสองสีที่ไม่น่าจะเข้าคู่กันสะท้อนภาพร่างสูงใหญ่ที่กำลังกดตรึงร่างของเขาไว้แนบแน่น กลีบปากสีอ่อนหลุดเสียงครางเครือในลำคอออกมาเรียกความพึงพอใจให้คนที่อยู่ด้านบนยิ่งนักยามที่ตุ่มไตสีแดงเข้มที่ประดับอยู่บนแผ่นอกถูกหยอกล้อรุนแรง

ทำไมเรื่องถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้ เพียงแค่เพราะเขาอยากเห็นสีหน้าตกใจของคนคนนี้แท้ๆ

“อะ อือ พอก่อน” เรือนร่างบอบบางกว่าบิดเร้าด้วยความปรารถนา นิคคาริได้แต่หลับตาผินหน้าซุกลงกับผ้าคลุมสีขาวของตัวเองที่ถูกนำมาใช้เป็นที่ปูรองกับพื้น เขาไม่กล้าสู้หน้าคนที่กำลังกระทำการอุกอาจบนร่างกายของตนเอง

“อาโอเอะซัง” เสียงทุ้มนุ่มนวลของคนตัวใหญ่ที่เคยได้ยินมาตลอดมีสำเนียงที่ผิดแผกไปเดิม น้ำเสียงที่เรียกขานชื่อของเขานั้นสั่นเครือและเร้าร้อน ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมาประคองดวงหน้าสวยก่อนจะตามมาด้วยการประกบจุมพิตที่เบาๆ

รสจูบแผ่วเบาเจือไปด้วยกลิ่นของสาเกที่ร่วมดื่มด่ำกันมา ปลายชิวหาสากของอิชิกิริมารุเริ่มซอกไซ้เข้าสู่โพรงปากของคนที่ถูกกดตรึงเอาไว้กวาดต้อนลิ้มลองรสชาติหวานหอมที่ซ่อนเร้นอยู่ด้านใน นิคคาริพยายามต่อต้านการรุกเร้านั้นแต่ก็เพียงไม่นานก่อนที่เขาจะพันเกี่ยวลิ้นของตัวเองเข้ากับอีกฝ่าย

เสียงของกระดุมเสื้อกระเด็นกระดอนไปตามพื้นห้องดังแว่วเข้าหูหลังจากเสื้อของเขาถูกกระชากออกแต่ไม่สามารถดึงสติของเจ้าของชุดให้กลับคืนมาได้ เรือนร่างขาวผุดผ่องที่ปรกติแล้วมักถูกซุกซ่อนไว้ใต้เครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มหนาถูกเปิดออก นิคคาริได้แต่หน้าร้อนแดงยามที่เงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาของอิชิกิริมารุที่กำลังมองสำรวจร่างกายของเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ราวกับกำลังจับจ้องภาพวาดโบราณ

“…พะ พอก่อน เลิกมองได้แล้ว” คนที่ถูกมองพยายามยกมือขึ้นมาปิดบังร่างกายตัวเอง ดวงหน้าสวยแดงก่ำเหมือนเป็นไข้สูง แต่มือใหญ่ของร่างสูงกลับเอื้อมลงมากอบกุมแล้วยึดตรึงเอาไว้กับพื้นอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปากยามที่ใช้สายตาโลมเลียทุกสัดส่วนของเขา

“ทำไมละ อาโอเอะซังสวยเสียขนาดนี้”

“ไม่…สวยสักหน่อย”

“ไม่เลยขอรับ อาโอเอะซังสวยมาก…สวยจนข้าอยากจะกัดกินไปหมดทั้งตัวเลย” คำสารภาพแบบตรงๆทื่อๆเช่นนั้นทำเอาคนฟังหน้ายิ่งร้อนเห่อไปหมด

“พูดอะ..อะไรแบบนั้น”

อิชิกิริมารุบรรจงลูบไล้และและจุมพิตไปบนร่างกายของนิคคาริลากไล้จากซอกคอหอมเลื่อนต่ำผ่านหน้าท้องเนียน โอดาจิร่างใหญ่ค่อยๆประพรมสร้างร่องรอยสีกุหลาบช้ำบนผิวขาวราวกับต้องการทิ้งหลักฐานความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเอาไว้บนตัวของวากิซาชิร่างบางนี้ทุกตารางส่วน เสียงครวญครางพร้อมกับจังหวะหอบหายใจหนักดังสะท้อนไปมาบนชานเรือนที่เงียบสงัด

ความแข็งขืนใต้ร่มผ้าที่ปลดปล่อยออกมาจากกางเกงผ้าสีเข้ม ยามที่อิชิกิริมารุสัมผัสผ่านมันแม้เพียงบางเบาก็เรียกเสียงครางเครือจากนิคคาริได้ไม่ยาก ไอร้อนรุ่มจากฝ่ามือที่กอบกุมสัดส่วนเครียดขึงชองเขาเอาไว้รวมเข้ากับแรงปะทะเสียวซ่านที่เกิดจาการสาวรูดรั้งรุนแรงยิ่งทำให้สติสัมปชัญญะของเขากระเจิดกระเจิง แต่นิคคาริก็ยังพยายามสะกดกลั้นเสียงของตัวเองเอาไว้เพราะเกรงเหล่าเด็กๆทันโทที่กำลังหลับพักผ่อนอยู่ที่ห้องพักไม่ไกลจากบริเวณนี้มากจะได้ยินเสียงไม่บังควรเช่นนี้เข้า

“อย่ากัดปากตัวเองสิ ให้ข้าได้ยินเสียงเจ้าหน่อย”

ฝ่ามือที่กำส่วนสงวนของร่างกายเอาไว้แน่นพลางรูดรั้งขึ้นลงเป็นจังหวะ เสียงของเหลวเฉอะแฉะสะท้อนในแก้วหูของเขาชัดเจน อิชิกิริมารุพยายามหว่านล้อมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลราวกับยาพิษรสหวานล้ำเช่นนั้นเกือบทำให้เขาขาดสติ วากิซาชิร่างบางได้แต่เม้มปากส่ายหัวยิกๆต่อต้านสุดกำลัง คนตัวสูงกว่าได้ยิ้มน้อยๆออกมาอย่างอ่อนใจกับท่าทางปฏิเสชของอีกฝ่ายที่มองอย่างไรก็แลดูน่ารักและน่ากลั่นแกล้งไปพร้อมๆกัน

อิชิกิริมารุที่ใครๆในเรือนพากันเรียกขานว่าท่านหมอผู้ใจดีของฮงมารุนั้นแตกต่างกับอิชิกิริมารุคนที่อยู่เหนือร่างของนิคคาริในยามนี้อย่างสิ้นเชิง แม้รอยยิ้มและสีหน้าอ่อนโยนราวกับต้องการปลอบประโลมเขาจะไม่เปลี่ยนไปจากยามปรกติแม้แต่น้อย แต่นิคคาริสัมผัสได้ถึงความเร้าร้อนและเอาแต่ใจของร่างสูงที่กำลังหยอกเย้ากับร่างกายของเขาอย่างสนุกสนาน โอดาจิร่างใหญ่ลูบไล้กับแก่นกายของเขาด้วยมือเพียงไม่นานก็เลื่อนตัวลง ใบหน้าคมเข้มเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้บริเวณอันเป็นจุดศูนย์กลางของเรือนร่างบุรุษที่กำลังตื่นตัว ดวงตาสีฟ้าลุ่มล้ำเฉกเช่นสีของมหาสมุทรที่ล่อลวงให้คนหลงใหลเช่นนั้นเหลือบแลขึ้นมาสบประสานกับดวงตาสองสีของเจ้าของเรือนร่างเพียงแวบเดียวก่อนที่จะจรดริมฝีปากลงจุมพิตปลายยอดชื้นแฉะนั้นแล้วค่อยๆครอบครองมันเข้าไปทั้งหมด

ความอบอุ่นของอุ้งปากที่โอบอุ้มส่วนเครียงขึงของเขาและสัมผัสสากระคายของชิวหาที่พันเกี่ยวกับผิวอ่อนของเขาเอาไว้ยิ่งกระตุ้นเร้าให้นิคคาริได้แตร้องครางออกมาอย่างสุขสม เสียงแปลกประหลาดไม่คุ้นเคยของการกระทำรักนั้ปลุกเร้าให้นิคคารินอนบิดเด้วยความสะท้านอายหากแต่ใจทั้งๆที่ร่างกายก็เร้าร้อนเอาแต่ใจไม่เชื่อฟังเช่นนั้น มือขาวขยุ้มเอาผ้าผืนน้อยของตัวเองที่ปูรองรับกายไว้เบื้องล่างแน่นยามที่ความรู้สึกร้อนระอุในตัวกำลังพลุ่งพล่านราวกับภูเขาไฟที่กำลังจะทะลักทลายออกมา เพียงไม่นานความปรารถนาสีขาวขุ่นที่ถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่องในตัวร่างบอบบางก็ปลดปล่อยเข้าในไปในปากของอิชิกิริมารุออกมาพร้อกับเสียงครางปนหอบเหนื่อยลากยาว

อิชิกิริมารุเงยขึ้นกลับขึ้นมาพร้อมคราบรักข้นเหนียวที่เปรอะเปื้อนตรงมุมปากซ้ายเป็นทางยาว เขาเพียงแค่ยิ้มน้อยๆพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาเช็ดร่องรอยนั้นก่อนจะลากเลียสิ่งที่เปรอะเปื้อนกลืนกินเข้าไปโดยไม่มีทีท่ารังเกียจแม้แต่น้อย นิคคาริได้แต่เพียงนอนหอบหายใจมองดูการกระทำนั้นด้วยใบหน้าร้อนฉ่า ร่างกายของเขาเปียกชุ่มเหงื่อราวกับเพิ่งกลับจากการฝึกซ้อมดาบก็ไม่ปาน ช่วงล่างที่เพิ่งเป็นอิสระจากการควบคุมของร่างสูงใหญ่นั้นเหนียวเหนอะไปหมดจนรู้สึกไม่สบายตัว

ร่างบอบบางของวากิซาชิหนุ่มที่อยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยถูกโอบอุ้มขึ้นมาวางบนตักของอิชิกิริมารุอย่างถนุถนอม มือใหญ่ที่คุ้นเคยกับการจับดาบฟาดฟันศัตรูเช่นนั้นกลับประคับประคองเขาเบามือประหนึ่งคนตรงหน้านั้นเป็นแก้วใสที่บุบสลายได้ง่าย นิคคาริอยู่ในท่ากึ่งนั่งนอนภายใต้อ้อมกอดอบอุ่นนั้น สองมือเกี่ยวกระหวัดรอบคอของที่คนอุ้มเขาไว้แน่น

“ท่าน..ไปเรียนรู้มาจากไหน” น้ำเสียงสั่นน้อยๆถามที่สิ่งค้างคาในใจออก ทั้งๆที่อิชิกิริมารุชอบบอกคนอื่นไปทั่วว่าตัวเองเป็นดาบที่อยู่ในศาลเจ้ามาตลอด แต่การกระทำอุกอาจเช่นนี้ทำให้ยากจะเชื่อได้ว่าเจ้าตัวอยู่แต่ในศาลเจ้าจริงๆ

“ฮะฮ่า ข้าก็บอกแล้วไงว่าข้าก็เคยมีประสบการณ์ทางโลกมาบ้างนะอาโอเอะซัง”

“กะ…โกหกหมดเลยสินะ”

“ฮะฮ่า ก็แล้วแต่เจ้าจะคิดก็แล้วกัน”

อิชิกิริมารุหัวเราะออกมาน้อยๆก่อนจะก้มจูบเบาๆลงบนเรือนผมสีเขียวเข้มหอมกรุ่นที่ยุ่งเหยิงของคนในอ้อมแขน ร่างใหญ่กระขับร่างเปลือยเปล่าของนิคคาริเข้ากับแผ่นอกกว้างของตัวเอง ลูกแก้วสีแดงก่ำและสีเขียวอ่อนเหลือบมองชุดคาริงินุของโอดาจิหนุ่มที่ยังคงอยู่อย่างครบถ้วน

ทั้งๆที่เขาโดนแกล้งโดนปั่นหัวจนเป็นถึงขนาดนี้แล้วแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมสัมผัสกับเขาโดยตรงเสียที

“ขี้โกงจริงๆ” เสียงของวากิซาชิร่างบางพึมพำออกมาเบา ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเล็กๆแล่นพล่านไปมาในหัวอย่างหยุดไม่อยู่

“เพราะข้าไม่ใช่ดาบศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม ท่านถึงไม่อยากสัมผัสข้าตรงๆ”

“หืม เจ้าว่าอะไรนะ” อิชิกิริมารุยังไม่ทันได้ตั้งตัวดีก็โดนมือเรียวบางที่เกาะเกี่ยวกดศีรษะอยู่โน้มลงมาหา นิคคาริประกบจูบเข้ากับอิชิกิริมารุอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กบางเป็นฝ่ายรุกเร้าเข้าหาอย่างรุนแรง อิชิกิริมารุครางลึกๆในลำคอก่อนที่นิคคาริจะผละแยกออกแล้วกระชากคนที่โอบอุ้มตัวเองไว้ลงนอนบนพื้นแทน

“คนขี้โกง” ร่างผอมบางของนิคคารินั่งคร่อมทับร่างใหญ่ของโอดาจิเจ้าของฉายาดาบศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ แสงจันทร์สีขาวนวลอาบไล้เรือนร่างแบบบางสมสัดส่วนแลดูเย้ายวนใจคนมองจนยากที่จะปฏิเสธได้ นัยน์เนตรสองสีที่จับจ้องคนด้านล่างแฝงเว้าวอนเชิญชวนยามที่มือข้างหนึ่งเริ่มกระตุ้นเร้ายอดอกของตัวเองพลางเลื่อนมือที่ยังว่างอีกด้านลงไปสู่ส่วนกลางของร่างกายที่ยังอ่อนตัวอยู่

“ไม่อยากสัมผัสข้าอย่างนั้นหรือครับ” นิคคาริขบเม้มริมปีฝ่ากเล็กน้อยยามที่เอื้อนเอ่ยออกมาเช่นนั้น “ทั้งๆที่ทำให้ข้าเป็นถึงขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมเปิดเผยตัวตนของตัวเองอีกหรอท่านอิชิกิริมารุ”

“เจ้าอยากให้ข้าเปิดเผยตัวตนอย่างนั้นหรือ” อิชิกิริมารุหัวเราะออกมาเบาๆราวกับไม่รู้สึกรู้สากับภาพสุดแสนเย้ายวนตรงหน้า มือแกร่งเอื้อมไปโอบประคองเอวบางเอาไว้ราวกับตั้งใจประคองไม่ให้คนที่นั่งอยู่บนร่างกายตนเองต้องลื่นล้มไป ใบหน้าสะอาดยังคงระบายรอยยิ้มอบอุ่นทว่าในดวงตาสีฟ้าเข้มนั้นกลับมีเปลวเพลิงบางอย่างลุกโชนอยู่

นิคคาริเลือกที่จะไม่ตอบ ดวงตาต่างสีคู่นั้นเพียงแค่จับจ้องประสานกับเนตรสีฟ้าเรียวแทนคำตอบ

เขาอยากเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของคนตรงหน้า อยากเห็นอารมณ์อื่นๆที่คนคนนี้จะแสดงออกมายามที่ไม่ได้อยู่กับคนอื่น

เขาอยากเห็นตัวตนที่แท้จริงของจิตวิญาณแห่งดาบนาม อิชิกิริมารุ เหลือเกิน

อิชิกิริมารุนอนนิ่งประคองอีกฝ่ายอยู่บนพื้นไม้เฝ้ามองเขาสัมผัสตนเองด้วยดวงหน้าที่ยิ้มแย้มไปเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย ร่างบอบบางได้แค่กัดปากด้วยความเจ็บใจกับความใจเย็นนั้น ความร้อนรุ่มที่แม้จะเพิ่งปลดปล่อยไปแต่กลับปะทุกลับขึ้นมาได้อย่างง่ายดายจากสัมผัสเพียงน้อยนิดที่เขาเป็นเขาปลุกปั่นตัวเองโดยมีสายตาเจ้าเล่ห์นั้นจับจ้องทุกอิริยาบทเป็นตัวช่วยเร้า นิคคาริเริ่มหอบหายใจถี่และหนักหน่วงขึ้นยามที่ขยับมือของตนเองสาวรูดแก่นกายเบื้องล่าง ความเปียกชื้นสีใสเจือด้วยคราบขาวขุ่นน้อยๆหลั่งออกมาจากปลายยอดสีแดงก่ำตลอดเวลาและทุกจังหวะที่เคลื่อนไหว

จวนเจียนที่ความต้องการของเขากำลังจะถึงฝั่งฝันอีกครั้งทว่ามือใหญ่ของอิชิกิริมารุกลับตะปบหมับล็อคการเคลื่อนไหวของเขาเอาไว้อย่างสิ้นเชิง นิคคาริได้แต่ร้องคำรามออกมาด้วยความขัดใจ

“อะ อือ…ปล่อย มือ”

“อาโอเอะซัง เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามข้าเลยนะ” คนถามยังคงถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มใจดีขัดกับการกระทำอย่างสิ้นเชิง

ร่างกายที่นั่งอยู่ด้านบนบิดเร้าอย่างทรมานด้วยความต้องการที่พลุ่งพล่าน “ปะ…ปล่อยมือนะ”

“แต่ข้ายังไม่ได้ฟังคำตอบของเจ้าเลยนะ” อิชิกิริมารุเอ่ยถามพร้อมกับออกแรงบีบข้อมือของคนบนร่างตัวเองเล็กน้อย

“เจ็บนะ อะ…” นิคคาริร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยที่มักซ่อนเร้นอยู่ใช้เส้นไหมสีเขียวเข้มนั้นมีหยาดน้ำใสคลอระเรื่อ สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บจากแรงบีบบริเวณข้อมือและความทรมานที่ต้องการปลดปล่อยตัวเอง

ปลายนิ้วโป้งของคนตัวใหญ่ที่บังคับเขาเอาไว้ฉวยโอกาสถูไล้ไปบนรูเล็กๆบนสัดส่วนที่กำลังชูชันเต็มที่ก่อนจะออกแรงกดบดเบียดลงไปเรียกให้หยาดน้ำขาวไหลเอ่อออกมา นิคคาริหลุดเสียงครางหวานออกอย่างห้ามไม่อยู่ แทบลืมไปเสียแล้วด้วยซ้ำว่าทำไมตอนแรกเขาถึงพยายามสะกดกลั้นเสียงของตัวเองเอาไว้

“อาโอเอะซัง” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อของเขาอย่างอ่อนโยนราวกับนานพรายรัวร้ายที่ขุดกับดักเอาไว้ล่อกวางน้อยตัวงามให้มาตกหลุม

“…”

“ว่ายังไงอาโอเอะซัง”

“ดะ โปรด…สัม…ขะ…ข้า” เสียงนั้นเบาแทบจะกลายเป็นการกระซิบ ในคอของเขารู้สึกแห้งผากราวกับมีเม็ดทรายละเอียดมาฉาบไว้จนควานหาโทนเสียงของตนเองไม่เจอ

“หืม ข้าได้ยินไม่ค่อยชัดเลยอาโอเอะซัง”

“ได้โปรด…สัมผัสข้าด้วย อะ…อือ” นิคคาริแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองเมื่อต้องเป็นฝ่ายเอ่ยประโยคที่น่าอับอายเช่นนี้โดยที่คนด้านล่างตัวของเขายังคงยิ้มละไม ทั้งๆที่ตั้งใจจะกลั่นแกล้งให้อีกฝ่ายแท้ๆทำไมเรื่องมันถึงได้กลับตาลปัตรเป็นแบบนี้ได้

เรือนร่างแบบบางถูกจับกดทอดตัวคว่ำหน้าไปกับพื้นไม้ ร่างสูงใหญ่ขอบโอดาจิประกบกอดอยู่ด้านหลังพลางซุกไซ้บริเวณซอกคอของเขาไม่ยอมห่าง ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดไปบนผิวกายที่เริ่มเย็นเพราะอากาศยามค่ำคื่น

“ข้าบอกไว้ก่อนว่า ถึงเจ้าจะร้องให้หยุดข้าจะไม่หยุดกลางคันหรอกนะขอรับ อาโอเอะซัง” แม้อิชิกิริมารุจะพูดเช่นนั้นแต่สติของเขาก็ไม่มีมากพอจะรับรู้หรือตอบโต้ใดๆอะไรอีกแล้ว

 

=====

เสื้อผ้าที่เคยสวมใส่ถูกถอดออกก่อนจะถูกโยนไปอีกทางอย่างไม่ใยดี อิชิกิริมารุจุมพิตเขาอย่างดูดดื่มใต้แสงจันทราที่สว่างไสวอยู่กลางท้องฟ้าสีมืด ร่างใหญ่กว่าโอบประคองร่างกายแบบบางจากด้านหลังไว้เอาไว้แน่น

“สวยจริงๆ ไม่ผิดจากคิดเอาไว้เลย” น้ำเสียงของโอดาจิหนุ่มแผ่วเบาราวกับล่องลอยอยู่ในความฝัน ม่านตาสีน้ำทะเลนั้นไล่มองสำรวจเรือนร่างแบบบางที่เปลือยเปล่าของนิคคาริ

“เลิกพูด….แบบนั้นสักทีครับ…อ๊า” เสียงร้องประท้วงขาดห้วงเมื่อลิ้นหนาลากเลียเนื้ออ่อนบริเวณหลังใบหูของเขา

อิชิกิริมารุเฝ้ามองดูสีหน้าสีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของนิคคาริด้วยความพึงพอใจก่อนจะเริ่มปลดเปลี้ยงอาภรณ์ที่สวมใส่ออก แสงจันทราสีนวลยามราตรีฉาบไล้ไปตามผิวกายขาวที่มีมัดกล้ามพอเหมาะ นิคคาริได้แต่เหม่อมองร่างกายกำยำสมกับที่เป็นดาบใหญ่ที่เคยซ่อนเร้นอยู่ใต้ชุดคาริงินุสีเขียวนั้นอย่างตกตะลึง

มือใหญ่กอบกุมมือของเขาเอาไว้แล้วชักจูงราวกับนำทางมันลงสู่เบื้องล่างอย่างไม่ลังเล อิชิกิริมารุสอนให้เขาใช้ปลายนิ้วของตัวเองค่อยๆสอดแทรกเข้าไปในช่องทางด้านหลังแม้เขาจะร้องด้วยความตกใจแต่โอดาจิหนุ่มก็หาได้หยุดมือไม่

สองนิ้วก็แล้ว สามนิ้วก็แล้วอีกฝ่ายก็ยังคงดึงดันให้เขาใช้มือตัวเองกับด้านหลัง เสียงของเหลวที่ไหลสะท้อนไปมาดังอื้ออึงจนเขารู้สึกเวียนหัวไปหมด น้ำเสียงนุ่มนวลบรรจงกระซิบคำหวานที่ข้างหูล่อลวงให้เขาทำเรื่องที่น่าอับอายยิ่งนักแต่ตัวเขาเองก็หักห้ามใจไม่ได้ รสชาติของตัณหาที่ถูกยื่นมาจ่อตรงหน้าช่างเย้ายวนใจให้ตกลงไปในหลุมกับดักยิ่งนัก กายบางสั่นสะท้านและบิดเร้าด้วยต้องการให้อีกฝ่ายเข้ามาเติมเต็ม

“…ทะ ท่าน อิชิกิร…”

“เรียกว่าอิชิกิริมารุก็พอ” เจ้าของชื่อดาบศักดิ์สิทธิ์ลูบไล้ใบหน้าของคนที่อยู่ด้านล่าง ริมฝีปากบรรจงป้อนรสจูบหวานอย่างเชื่องช้าให้เขาก่อนจะละออกมา

“อาโอเอะซัง ข้าให้เจ้าเลือกว่าจะว่าจะลุกหนีไปตอนนี้ก็ได้ ข้าจะไม่บังคับขืนใจเจ้าแต่อย่างใดหากเจ้าไม่ต้องการและจะไม่ถือโทษโกรธใดๆเจ้าในภายหลัง” อิชิกิริมารุพูดด้วยสีหน้าจริงใจกว่าทุกครั้ง รอยยิ้มอ่อนโยนที่มีมาตลอดนั้นจางไป “แต่ถ้าเจ้าไม่ไปตอนนี้ข้าจะไม่หยุดและเจ้ามาโทษข้าอีกไม่ได้แล้วนะ”

นิคคาริกระพริบตาถี่ๆราวกับพยายามตั้งสติ สมองที่ตื้อตันไปหมดกำลังประมวลผลคำพูดเหล่านั้นเหล่านั้นอย่างหนักหน่วง

“ข้า…” วากิซาชิหนุ่มพยายามจะตอบแม้จะมีอาการหอบหายใจหนักๆอยู่ ดวงตาสองสีประสานมองเข้าไปในม่านตาสีฟ้าลุ่มลึกคู่นั้นเพื่อค้นหาคำตอบ

อิชิกิริมารุให้ทางเลือกกับเขาอีกครั้ง หากทั้งสองข้ามผ่านขีดความสัมพันธ์ในคืนนี้ไปทุกอย่างก็ไม่มีทางกลับไปเป็นอย่างเดิมอีก อิชิกิริมารุเองอาจจะยังรู้สึกไม่มั่นใจในความรู้สึกของเขาเพราะแม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ใจตัวเองเลยว่าชอบอิชิกิริมารุจริงๆหรือไม่

“..ข้า..” แววตาลังเลวาวขึ้น นิคคาริขยับเบี่ยงตัวเปลี่ยนท่าเป็นการนอนตะแคงข้างในอ้อมกอดของคนตัวใหญ่ ที่หางตาของเขาแวบหนึ่งเห็นเป็นสีหน้าเศร้าสร้อยของอิชิกิริมารุก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางๆเช่นเดิม

“เข้าใจแล้วละ” โอดาจิหนุ่มแย้มรอยยิ้มน้อยๆก่อนจะขยับตัวตั้งท่าจะลุกขึ้น “ข้าผิดเองที่เอาแต่ใจกับเจ้า”

“อิชิกิริมารุ…”

“ไม่ต้องห่วงหรอกข้าบอกแล้วว่าจะไม่ฝืนใจเจ้า”

ใบหน้าขาวสะอาดนั้นระบายแววของความผิดหวังเอาไว้แม้จะยังคงมีรอยยิ้มอ่อนประดับอยู่ สีหน้าเช่นนั้นเขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายทำมาก่อน นิคคาริรู้สึกได้ถึงลมหายใจของตนเองที่ขาดสะดุดห้วงยามที่ได้เห็นคนตรงหน้าแสดงออกมาเช่นนั้น

เขาอยากเห็นตัวตนที่แท้จริงของอิชิกิริมารุ นั้นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงอยู่ตรงไหนไม่ใช่หรือ!?

รอยยิ้มแบบนั้น สีหน้าเศร้าสร้อยแบบนั้น

ตัวตนของอิชิกิริมารุที่เขาอยากรู้จัก!!

มือขาวเรียวรีบคว้าเกี่ยวชายเสื้อคาริงินุเอาไว้แน่นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะผละออกจากกัน อิชิกิริมารุที่กำลังลุกขึ้นหยุดชะงักก้มลงมองดูนิคคาริด้วยสายตาสงสัย

“…ไหนใครบอกว่าแม้ข้าจะร้องให้หยุดก็จะไม่ยอมหยุดไงละ” เสียงพึมพำเบาๆดังมาจากคนที่นอนอยู่ด้านล่าง

“ได้โปรดเปิดเผยตัวตนของท่านกับข้าด้วยอิชิกิริมารุ” ยามที่เอื้อนเอ่ยประโยคนี้ออกไปนิคคาริรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหูอื้อตาลายชอบกล ได้แต่พูดออกไปเบาๆราวกับกระซิบออกไป

รอยยิ้มแย้มกว้างระบายบนใบหน้าขาวสะอาด เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกขานโน้มใบหน้าลงมาจุมพิตวากิซาชิหนุ่ม เรียวลิ้นรุกเข้าไปในโพรงปากของคนตัวบางหนักหน่วงจนคนถูกจูบได้แต่ร้องครางประท้วง ร่างสูงกำยังโอบรัดกายแบบบางแนบแน่น

“จับตัวไว้ได้แล้ว” อิชิกิริมารุพูดออกมา “หลังจากนี้จะไม่ยอมปล่อยให้หนีแล้วนะขอรับอาโอเอะซัง”

“มะ…หมายความยังไงครับ”

“อาโอเอะซัง ข้ารักเจ้านะ” เสียงกระซิบทุ้มต่ำและแผ่วเบาดังที่ข้างหู เป็นประโยคสั้นๆง่ายๆแต่คนฟังรู้สึกเหมือนเลือดลมในร่างกายจะพาลไหลย้อนไม่เป็นทีทางของตัวเอง หัวใจที่เต้นเร้าอยู่ที่กลางอกนั้นสั่นระรัวจนกลัวว่าตัวเองอาจจะเป็นโรคอะไรขึ้นมากระทันหันหรือไม่

อิชิกิริมารุกอดรัดร่างกายของเขาแนบสนิทราวกับไม่ต้องการให้มีช่องว่างใดๆแยกทั้งสองออกจากกัน ริมฝีปากและปลายนิ้วเรียวยาวประพรมลากไล้ไปทั่วผิวขาวที่เต็มไปด้วยรอยช้ำสีกุหลาบเข้ม ความปรารถนาในกามรมณ์ที่ถูกขัดจังหวะเมื่อสักครู่ไม่นานก็สามารถฟิ้นคืนขึ้นมาได้ ยามที่อิชิกิริมารุบรรจงขบเม้มเม็ดทับทิมสีแดงก่ำบนแผ่นอกแกร่งที่ให้ชูชันพร้อมกับเสียดสีเรือนร่างของตนเองกับเขาเบาๆ เขาร้องครางออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงความแข็งขืนที่ร้อนรุ่มจากเบื้องล่างของอีกฝ่าย

นิ้วแกร่งหยอกเย้าช่องทางด้านหลังที่ยังไม่แย้มบานดีแม้เขาจะได้ทำการนำร่องสำรวจเส้นทางไปแล้วมารอบหนึ่งก็ตาม แต่เพราะยังขาดประสบการณ์จึงทำให้ผลการสำรวจนั้นล้มเหลว อิชิกิริมารุแย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบที่คนมองรู้สึกใจไม่ดีเท่าไรก่อนจะใช้นิ้วตัวเองกดแยกปากทางแล้วสอดใส่นิ้วของตัวเองเข้าไปช้าๆ นิคคาริถึงกับหายใจสะดุดก่อนจะได้แต่นอนสั่นเทิ้มรับสัมผัสที่แสนเย้ายวนนั้น

เสียงครวญครางเบาๆดังเป็นระยะทุกครั้งที่คนขี้แกล้งพยายามใช้ท้องนิ้วกระทบกระเทียบเข้ากับผนังภายในสร้างความปั่นป่วนให้กับร่างกายของเขา นิคคาริอยากจะเอื้อมมือไปตีคนกระทำมากมายเสียแต่ตอนนี้ตัวของเขาสั่นสะท้านหมดแรงเสียแล้ว ได้แต่ส่งสายตาขุ่นมองตำหนิคนทำ หากแต่สายตาเช่นนั้นหาได้มีความน่ากลัวเพราะอัญมณีสองสีไม่เข้าคู่กันนั้นทั้งเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาที่วาววับเชิญชวนให้คนมองยิ่งอยากรังแกคนตรงหน้าหนักขึ้นไปอีก

ฝ่ามือร้อนระอุโอบอุ้มสะโพกเพรียวบางให้ยกลอยขึ้น เรียวขาขาวถูกจับแยกออกแล้ววางพาดอยู่บนท่อนแขนกำยำก่อนจะเกี่ยวกระหวัดเข้ากับแผ่นหลังกว้างแบบอัตโนมัติยามที่ความเครียดขึงของอีกฝ่ายค่อยๆสอดประสานเข้ามาในร่างกายของเขาเชื่องช้า ความรู้สึกเจ็บและอึดอัดไม่คุ้นเคยกำลังบีบรัดทรมาน

เขาระบายลมหายใจออกมาหนักๆระหว่างที่พยายามปรับตัวเพื่อรองรับอิชิกิริมารุโดยมีอีกฝ่ายพยายามช่วยลูบไล้และฟอนเฟ้นไปตามเรือนร่างแบบบางที่มีหยาดเหงื่อเกาะพราว สะโพกแกร่งเริ่มขยับเข้าออกเนิบนาบเชื่องช้าเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เขาต้องบาดเจ็บ แต่ก็เพียงไม่นานนักที่จังหวะเคลื่อนไหวของอิชิกิริมารุจะแปรเปลี่ยนเป็นรุนแรงและดุดัน ร่างสูงโน้มตัวลงมาจุมพิตเขาดูดดื่มก่อนจะกระทั้นกายเข้ามาอย่างแรงจนสุด ทำเอาคนร่างบางกว่าต้องกระถดถอยหลังไปเล็กน้อย

อิชิกิริมารุหอบหายใจหนักๆที่ข้างใบหูของเขา มือใหญ่เกาะเกี่ยวสะโพกเพรียวเอาแน่นก่อนจะขยับตัวเข้าไปอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง จังหวะสอดประสานของร่างสูงจาบจ้วงมากยิ่งขึ้นจนร่างของเขาสั่นคลอนไปทั้งตัว นิคคาริรู้สึกหูอื้อไปหมดได้ยินแต่ผิวอ่อนของทั้งสองคนกระทบกันรวมกับเสียงของเหลวเปียกชื้นเหนอะเหนาะดังสะท้อนในแก้วหู ความคิดอ่านทั้งหมดทั้งมวลเหมือนจะจางหายไปหลงเหลือเพียงแค่ความปรารถนาจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับคนที่กำลังกอดรัดเขาอยู่ เขาทำได้แค่เกาะเกี่ยวแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังครอบครองเอาไว้แน่นก่อนจะได้ยินเสียงร้องครางหนักหน่วงในจังหวะรุกเร้าสุดท้ายที่ร่างสูงใหญ่กระทั้นกายเข้ามา

ความร้อนรุ่มที่เอ่อล้นอยู่บริเวณส่วนกลางของร่างกายกระตุ้นเร้าให้เขาต้องเอื้อมมือลงไปจัดการมันออก มือเรียวขยับรูดรั้งสัดส่วนสงวนของตนเองตามที่ใจปรารถนาเป็นจังหวะ นิคคาริหายใจหนักหน่วงจนแผ่นอกสะท้อนขึ้นลงชัดเจน

แรงเสียดสีเร่งจังหวะมากขึ้นก่อนที่น้ำเมือกสีขาวขุ่นเหนียวฉีดพ่นออกอีกครั้งมาจากแก่นกายที่ชูชันของเขาเปรอะเปื้อนเต็มช่วงล่างและหน้าท้อง ใบหน้าของวากิซาชิหนุ่มเห่อร้อนไปหมดเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากคนเขี้แกล้งที่ยังประสานกายกับเขาอยู่ตลอดเวลาที่เผ้ามองเขาจัดการกับร่างกายของตัวเอง

ร่างกายกำยำโอบกอดเขาไว้เมื่อถอนส่วนที่สอดประสานกันออกมา เขารู้สึกได้ถึงความเหนียวเหนอะของของเหลวที่ไหลเปื้อนช่วงล่างและปลีน่องได้อย่างชัดเจน ริ้วสีแดงจางปรากฎขึ้นมาใบหน้าของนิคคาริก่อนที่ใบหน้าคมของดาบศักดิ์สิทธิ์จะซุกไซ้เข้ามาคลอเคลีย ประกายตาที่เคยนิ่งสงบของอิชิกิริมารุนั้นกรุ่นไปด้วยไอราคะที่ไม่สามารถปิดบังได้ สายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการหนักหน่วงแบบนั้นทำให้นิคคาริรู้สึกเขินอายอย่างมากเพียงแค่อิชิกิริมารุคลี่ยิ้มบางๆ

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะจับสังเกตุได้ว่าเขากำลังอาย อิชิกิริมารุเลยตั้งท่าเหมือนจะก้มลงมาจูบเขาอีกครั้ง นิคคาริก็รีบหลับตาลงอย่างว่องไวแต่จนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมประกบปากจูบเสียที โอดาจิหนุ่มเปลี่ยนมาเป็นหอมแก้มเบาๆพร้อมกับส่งเสียงกระซิบอู้อี้ว่า “จูบได้ไหมขอรับอาโอเอะซัง”

“ก…ก็จูบไปตั้งหลายรอบแล้วไม่ใช่หรอ” เพราะความอายหรืออย่างไรก็ไม่ทราบเขาดันเผลอตอบแบบนั้นไปซึ่งเข้าเกมที่อีกฝ่ายจงใจวางไว้อย่างบรรจงดิบดี

รอยยิ้มแสนกลที่ไม่เคยพบยามอยู่กับคนอื่นปรกติแย้มออกมายิ่งทำให้ใจของนิคคาริเต้นแรงขึ้นไปอีก “นั่นสินะ งั้นอีกรอบก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยเนอะ”

“อะไรคืออีกรอบครับ!!!”

ยังไม่ทันที่นิคคาริจะประท้วงได้จบประโยคดี เจ้าของนามดาบศักดิ์สิทธิ์ก็ประกบปากจูบเข้ากับวากิซาชิหนุ่มพร้อมกับมือที่มักอยู่ไม่ค่อยเป็นสุขก็เริ่มเลื่อนลงไปส่วนสัดส่วนข้างล่างอีกครั้งอย่างจงใจ

“พอได้แล้ว…ท่าน…มันลามกที่สุด อะ…อือ”

=====

.

.

.

.

.

.

.

Off-Shot

(บทสนทนาระหว่างซานิวะและอิชิกิริมารุ)

“สรุปแล้วอิชิกิริมารุซังได้ปรับความเข้าใจกับนิคคาริซังแล้วสินะคะ”

“แน่นอนขอรับ ขอบพระคุณนายท่านที่เมตตาช่วยเหลือขอรับ”

“ฮะฮ่า งั้นเหล้าที่ให้ไปน่าจะได้ผลนะคะ อุตส่าห์สั่งมาเป็นพิเศษเลยทีเดียว”

“คงอย่างนั้นละขอรับ ฮ่าฮ่า”

“แต่ว่าน่าจะถนอมๆนิคคาริซังบ้างนะคะ เช้าวันนี้ตอนจัดทัพวุ่นวายกันใหญ่เพราะนิคคาริซังร่วมทัพออกไปไม่ได้”

“ครั้งหน้าข้าจะระมัดระวังให้มากกว่านี้ขอรับ”

=====
Me : สรุปอยากถามนิคกี้ว่าได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของหมอหรือยังคะ 5555555555555555555

Leave a comment