Novelber 2018 – Midnight Blue 1

Checklist: 1st – Jazz / 8th – London / 11th – Smile / 18th – Facepalm / 21th – Account

Paring: Bard Bowman x Thranduil (Barduil)

Genre: AU / Out of main plot / Romance (?)

วูบมาแต่งเพราะชอบหัวข้อ Novelber ปีนี้ค่ะ แต่จะมีต่อไหมไม่แน่ใจนะคะ มาแบบลักปิดลักเปิด 😂 แต่ใจจริงก็อยากแต่งต่อนะคะ 😭😭

=====

ลอนดอนไม่ได้เป็นเมืองที่น่าอยู่ในความคิดของบาร์ด

จริงอยู่ที่ลอนดอนมีความสวยในรูปแบบของตัวเอง เป็นที่ตั้งของพระราชวังบักกิงแฮม หอนาฬิกาบิกเบนลือชื่อ มีชิงช้าสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ติดอันดับของโลก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้บาร์ดอยากอยู่ในลอนดอนมากเท่าไร

ไม่นับเรื่องอากาศที่สุดแสนจะแปรปรวน เดี๋ยวฝนตกเดี๋ยวแดดออก บางทีก็มีเมฆหมอกหนาทึบทำเอาอึมครึมไปตลอดวัน สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือเรื่องค่าครองชีพที่แพงหูฉี่เมื่อเทียบกับเมืองข้างเคียงอย่าง บริกตัน หรือ เคมบริดจ์

แต่ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละ ห่างไกลเมืองหลวงออกไป โอกาสดีๆสำหรับหน้าที่การงานมันก็น้อยตามไปด้วย

ตอนนี้บาร์ดเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว มีภาระต้องดูแลปากท้องอีกสามชีวิตหลังจากภรรยาคู่ชีวิตได้เสียชีวิตไป เธอจากไปอย่างน่าเศร้าหลังให้กำเนิดทิลด้าน้อยที่แสนน่ารักได้ไม่วัน

สิ่งที่บาร์ดต้องการมากที่สุด คือ การที่ลูกๆของเขาได้กินอิ่ม นอนอุ่น มีการศึกษาที่ดี และมีอนาคตที่สดใส

พูดง่ายแต่ทำได้ยาก!

เบอินและซิกริดอายุใกล้จะเข้าเรียนวิทยาลัยได้แล้ว ส่วนทิลด้ายังเรียนประถมอยู่

เด็กๆทั้งสามคือเหตุผลที่ว่าทำไมบาร์ดยังคงทนอยู่ในลอนดอนแม้จะไม่ชอบ

ลูกคือแรงบันดาลใจให้บาร์ดลุกจากเตียงไปทำงานในทุกๆเช้า รอยยิ้มของเบอินกับซิกริดและเสียงหัวเราะสดใสของทิลด้าสร้างกำลังใจให้บาร์ดทุกครั้งที่เขาท้อแท้

บาร์ดวางแผนเปิดบัญชีธนาคารแยกไว้อีกบัญชีหนึ่งเพื่อเตรียมไว้เป็นทุนการศึกษาของเด็กๆโดยเฉพาะ เขาจะทำบัญชีรายรับรายจ่ายและใช้เงินอย่างระมัดระวังที่สุดในแต่ละเดือนเพื่อให้มั่นใจว่าลูกๆของเขาจะมีเงินพอเพียงทั้งค่ากินอยู่และค่าเทอม

แต่วันนี้บาร์ดก็สุดจะทนและเขารู้ตัวว่าเขาต้องการอะไรสักอย่างแรงๆมาดื่มแก้เครียดหลังจากโดนหัวหน้างานอัลเฟรดตำหนิเรื่องการทำงานโดยเขาไม่มีความผิดอะไร

ชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้สูงติดกับเคาเตอร์บาร์เอ่ยปากสั่งสก็อตวิสกี้ด้วยสีหน้าฉุนเฉียว บาร์เทนเดอร์หน้าละอ่อนรับคำสั่งโดยไม่ปริปากถามใดๆ แก้วใสบรรจุน้ำสีอำพันถูกเลื่อนมาวางตรงหน้า บาร์ดคว้าแก้วนั้นขึ้นมาดื่มแบบไม่ลังเล

ความผิดพลาดในงานวันนี้ไม่ใช่ส่วนของเขาเลยสักนิด แต่เพราะมาสเตอร์ของบริษัทเลคทาวน์ต้องการหาใครสักคนมารับผิดชอบ และคนที่เหมาะสมจะเป็นแพะรับบาปมากที่สุดก็หนีไม่บาร์ด คนที่หัวหน้าอัลเฟรดแสนจะเกลียดขี้หน้าที่สุด

เสียงเพลงแจ๊สนุ่มๆที่บรรเลงอยู่ไม่อาจขจัดความขุ่นมัวในใจของบาร์ดไปได้เลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มยังคงยกมือสั่งเครื่องดื่มมึนเมาเพิ่มโดยไม่สนใจรับฟังความสุนทรีย์รอบด้าน

ปรกติบาร์ดไม่ได้ดื่มเหล้าดีๆราคาแพงในบาร์หรูหราแบบนี้บ่อยนัก เวลาเครียดหรือกลุ้มใจเขาจะดื่มแค่เบียร์กระป๋องราคาถูกที่ซื้อจากร้านขายของชำพลางนั่งปรับทุกข์กับเพอร์ซี่ เพื่อนบ้านวัยชราที่รู้จักกันมานาน

แต่วันนี้บาร์ดยอมสละเงินแยะขึ้นเพราะต้องการอะไรที่แรงกว่าเบียร์ช่วยย้อมใจที่กำลังโกรธเคืองให้บรรเทาลงและช่วยให้้เขาหลับสบายขึ้นในค่ำคืนนี้

แม้ว่ามันอาจจะทำให้ตอนสิ้นเดือนเดือนนี้บาร์ดต้องลำบากในการจัดการเงินเพิ่มขึ้น แต่เขาก็ยินยอม เรียกได้ว่าเป็น Guilty Pleasure นานๆครั้งสำหรับชายหนุ่ม

ระหว่างกำลังยกแก้วขึ้นกระดกเอาวิสกี้เข้าปากตัวเองนั้นบาร์ดรับรู้ได้ถึงสายตาหนึ่งที่จ้องมาจากมุมเคาเตอร์ฝั่งตรงข้าม ชายหนุ่มลดมือวางถ้วยใสลงบนเคาเตอร์ไม้โอ๊คสีเข้มพลางมองกลับไปยังคนที่กำลังส่งสายตามาทางเขา

ดวงตาสีน้ำตาลสบเข้ากับม่านตาสีฟ้าเจือเทาก่อนที่รอยยิ้มน้อยๆจะคลี่เหนือริมฝีปากสีอ่อนของเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำแข็งคู่นั้น

บาร์ดรู้สึกเหมือนลมหายใจสะดุดขาดช่วงโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าสะสวยนั้น

อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้หญิงข้อนี้บาร์ดแน่ใจ สังเกตุดูจากเค้าโครงหน้าที่ค่อนข้างคม เรียวคิ้วเข้ม โหนกแก้มสูง กรอบหน้าชัดเจน และช่วงบ่ากว้างใต้ชุดสีเข้ม

เจ้าของดวงตาสีฟ้าเหลือบเทาคู่นั้นดูโดดเด่นมากแม้มองจากจุดที่บาร์ดนั่งอยู่ ทั้งใบหน้ากึ่งสวยกึ่งหล่อ ดูสะอาดสะอ้านเจ้าสำอางค์นิดๆ รูปร่างผึ่งผาย แถมท้ายด้วยเส้นผมยาวสลวยจรดกลางหลังที่ถูกรวบมัดไว้อย่างดี

ดูเหมือนพวกนายแบบที่หลุดออกมาจากหน้าปกนิตยสารแฟชั่นที่ซิกริดชอบไม่ผิด!

หลายครั้งที่ดวงตาของทั้งสองสบกันตลอดเวลาที่บาร์ดนั่งอยู่ที่บาร์ ซึ่งชายหนุ่มกล้าสาบานว่าเขาไม่ได้คิดไปเองแน่นอน

นาฬิกาในโทรศัพท์มือถือของบาร์ดสั่นเตือนบอกเวลาว่าตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว นั่นหมายความว่าถึงเวลาที่เขาควรจะกลับบ้านได้แล้ว

ถึงเวลาสลายมนต์ซินเดอเรลล่าแล้วกลับสู่ความจริง!

บาร์ดกระดกวิสกี้แก้วสุดท้ายจนหมดก่อนจะวางเงินไว้บนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปยังชายแปลกหน้าที่บาร์ดได้สบตาด้วยตลอดคืน

แต่เขาคนนั้นไม่ได้นั่งอยู่ที่เก้าอี้ของตัวเองอีกแล้ว!

เขารู้สึกวูบโหวงในใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ที่ไม่มีโอกาสแม้จะได้ทำความรู้จักกับผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นเลย

“ถึงเวลาที่ซินเดอเรลล่าจะต้องกลับบ้านด้วยรถม้าฟักทองแล้วหรือ?”

เสียงทุ้มดังขึ้นด้านข้างโดยที่บาร์ดเองก็ไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปพบดวงตาสีน้ำแข็ง

“คุณนั่นเอง”

ชายหนุ่มผมทองยาวคลี่ยิ้มอย่างสุภาพ “ขอโทษที่ทำคุณให้ตกใจ แต่ผมเห็นคุณกำลังจะกลับแล้ว”

“อ่อ ใช่ ผมกำลังจะกลับแล้ว เที่ยงคืนแล้วนี่” บาร์ดพูดพลางแกล้งเปิดจอโทรศัพท์ดูนาฬิกาอีกครั้งเพื่อกลบความประหม่า

ตอนที่แอบมองจากจุดที่้เขานั่งอยู่ บาร์ดก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้สวยแล้ว แต่อีกฝ่ายยิ่งดูงดงามเหมือนภาพวาดเวลาที่ได้มองในระยะประชิดขนาดนี้

“คุณ…ดูดีมากเลยนะ” บาร์ดลังเลที่จะเอ่ยชมออกไปแต่ก็โล่งใจที่เห็นว่าคนถูกชมยิ่งยิ้มกว้าง

“คุณเองก็ดูดีเหมือนกันนะ” คำชมกลับทำให้บาร์ดยิ่งเขินจนต้องยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยเพราะไม่รู้จะเอามือตัวเองไปวางไว้ตรงไหนดี

มันดูประดักประเดิดเล็กน้อยเมื่อคนที่กำลังเอ่ยปากชมเขาดูดีเสียจนบาร์ดอยากจะถอนหายใจซ้ำๆ

“ผมธรันดูอิล กรีนลีฟ ยินดีที่ได้รู้จัก” มือขาวเรียวยื่นออกมาหาพร้อมแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ

“บาร์ด โบว์แมน” บาร์ดจับมือของธรันดูอิลพลางแนะนำตัว

มือของชายหนุ่มผมทองยาวนั้นนิ่มมาก เป็นมือของคนที่ไม่ต้องเผชิญความยากลำบากแบบที่บาร์ดแน่นอน

“ดึกแล้วยังไงผมต้องขอตัวก่อนนะ ราตรีสวัสดิ์คุณกรีนลีฟ”

แม้จะไม่อยากดึงมือออกจากผิวนิ่มลื่นนั้นเลยแต่บาร์ดก็ต้องพยายามตัดใจ

“ประเดี๋ยวก่อน” ธรันดูอิลยังคงรั้งบาร์ดไว้พร้อมยื่นกระดาษเช็ดปากสีน้ำตาลให้

“นี่เบอร์โทรศัพท์ของผม เผื่อคุณจะยังอยากคุยกับผมอยู่”

บาร์ดหรี่ตามองประเมินแผ่นกระดาษบางๆในมือนั้น “คุณมั่นใจได้ยังไงว่าผมจะยังอยากคุยกับคุณต่อ”

รอยยิ้มยกขึ้นที่มุมปาก มองดูเป็นการเหยียดยิ้มประหลาดๆ แต่บาร์ดไม่อยากเก็บมาใส่ใจ “แต่ผมคิดว่าคุณยังอยากคุยกับผม”

ธรันดูอิลดูมั่นใจเต็มร้อยจนบาร์ดอดนึกระแวงไม่ได้

“คุณรู้ได้ยังไง?”

“เอาเป็นว่าผมมีญาณหยั่งรู้แล้วกัน” ดวงตาสีฟ้าเทาขยิบส่งวิ้งน้อยๆดูเหมือนปีศาจน้อยแสนซน

บาร์ดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปรับเศษกระดาษใบน้อยจากธรันดูอิลมาใส่กระเป๋าเสื้อไว้ มือหนาควานหากระเป๋าเงินในกางเกงตัวเองออกมาหยิบนามบัตรที่ทำงานส่งให้

“นี่เบอร์ติดต่อผม”

“ขอบคุณนะคุณโบว์แมน” ชายหนุ่มผมทองรับนามบัตรของบาร์ดมาด้วยรอยยิ้มมาดมั่น ใบหน้าสวยนั้นโน้มเข้ามาใกล้ก่อนสัมผัสบางเบาของริมฝีปากสีอ่อนนั้นจะประทับลงบนข้างแก้มซ้ายของบาร์ด

ธรันดูอิลจากไปแล้วหลงเหลือไว้เพียงรอยไออุ่นบนแก้มของบาร์ดกับกลิ่นหอมอ่อนจางสดชื่นของโคโลญจน์ที่คนตัวสูงใช้

บาร์ดได้แค่ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองหลายๆครั้ง

นี่เขากำลังสร้างปัญหาให้ตัวเองหรือเปล่า!?

พ่อม่ายลูกสามได้แค่เพียงรำพึงรำพันในใจตัวเองตอนที่เปิดประตูบาร์เพื่อเดินทางกลับบ้าน

To Be Continue (?)

=====

ช่วงมีสาระ

ชื่อเรื่อง Midnight Blue มีที่มาจากสีใน Color Wheel of Love ซึ่งส่วนมากจะจัดให้ความรักแบบ Ludus เป็นสีน้ำเงิน เราเลยเอามาตั้งชื่อเรื่องเสียเลย เพราะง่ายดีไม่ต้องคิดแยะค่ะ 😂

สามารถไปชมภาพวงล้อสีตามลิ้งก์ที่แนบด้านล่างนี้ได้เลยนะคะ

Source: – Link

[Drabble] The Hobbit – Doubtful

Paring: Bard Bowman / Thranduil (Barduil)

Previously: ~ Ask for the moon ~

.

.

.

พรายกับมนุษย์แม้มิได้เป็นอริต่อกันแต่ก็หาได้สมานฉันท์ปรองดองกันเสมอไปไม่

ราชาพรายป่าแห่งอาณาจักรไพรสัณฑ์เองก็เป็นเฉกเช่นเหล่าพรายถ้วนทั่วไปที่มิใคร่จักสนทนาพาทีกับปุถุชนผู้รู้ตายเท่าใดนัก ด้วยมองว่าพวกมนุษย์นั้นช่างเขลาเบาปัญญาเกินกว่าที่พระองค์นั้นควรค่าจักเสียวาจาด้วย

หากแต่มีมนุษย์ตนหนึ่งที่พรายเจ้าผู้สูงศักดิ์ตรึกตรองว่าเขานั้นมิได้โง่เง่า หากแต่ทรงมิแน่ในพระหทัยว่าจักจำแนกเขาผู้นั้นเป็นชายที่แสนเถรตรงหรือคนดื้อด้านจักดีกว่ากัน

สาส์นจากชายแดนกล่าวอ้างถึงการตายของอสรพิษร้ายที่เฝ้าขดรัดขุมทรัพย์มหาศาลอยู่ใต้ขุนเขามานานปี ความเปรมปรีหยั่งลึกในหทัยของราชาพรายเสมือนหน่ออ่อนที่เริ่มผลิบานหลังจากได้รับหยดพิรุณชุ่มช่ำในวสันต์ ทรงบัญชาไพร่พลเหล่าพรายป่าในเมิร์กวู้ดให้เตรียมยาตราทัพประชิดเอเรบอร์โดยพลัน

จอมพรายแห่งพงไพรได้พบกับชายที่เป็นดั่งผู้นำชั่วคราวของชาวเมืองทะเลสาบกลางซากปรักหักพังของเมืองเดล เสียงเล่าลือว่าเขาผู้นั้นคือนักธนูมือดีนามว่า บาร์ด วีรกรรมหาญกล้าที่เขาได้ต่อกรกับมังกรไฟแสนละโมบที่โบยบินหมายจักแผดเผาทั้งเมืองให้มอดไหม้เป็นจุลจักกลายเรื่องเล่าแลคีตาของชาวเอสการอธสืบไป

บาร์ดมิใช่มนุษย์ที่เบาปัญญา ทว่าเขาย่อมไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเหตุใดขัตติยวงศ์แห่งเมิร์ดวู้ดประสงค์จักกรีฑาทัพรุกรานราชาใต้ขุนเขาเพียงเพื่ออัญมณีไม่กี่หยิบมือ

เพื่อเลี่ยงความสูญเสีย นักธนูแห่งเมืองทะเลสาบเสนอตนขอเจรจากับพวกคนแคระ ฟังแล้วก็ช่างเป็นวาจาที่น่าขบขันเสียจนจอมบดินดร์ของเหล่าพรายป่าอยากจักสรวลออกมาในรอบหลายพันปี

เพียรจักหาเหตุผลกับคนแคระจอมโลภเปรียบได้กับการตักน้ำราดรดบนตอไม้ที่เหี่ยวแห้งตายแล้ว หามีวันที่ตอไม้นั้นจักผลิบานกลายเป็นพฤกษาใหญ่ได้ไม่

ทว่าให้ทรงประหลาดใจองค์เองว่าเหตุไฉนจึงยังทรงสดับรับฟังวาจาชวนหัวร้อเช่นนั้นของนักธนูต่อ อาจด้วยคร้านจักต่อปากต่อคำกับมนุษย์น้อยที่แสนอ่อนเดียงสา หรือเพราะแววตามุ่งมั่นดึงดันเช่นนั้นที่ทำให้จอมพรายไม่อาจละนัยนาจากนักธนูไปได้ อีกทั้งยังมอบอาชาไนยสีขาวปลอดให้เขาขี่มันไปถึงหน้าประตูเมืองเอเรบอร์

ราชาพรายแห่งไพรวัลย์ประทับบนมฤคาเฝ้าสังเกตการณ์มนุษย์ดื้อด้านที่เพียรจักเจรจาต่อรองกับพวกคนแคระโอหัง

แม้เส้นทางจักไกลโพ้นเพียงใดก็หาได้หลุดรอดนัยนาพรายไปได้ด้วยพวกพรายนั้นสามารถมองไกลได้หลายหมื่นโยชน์

อากัปกริ้วโกรธาของมนุษย์ที่ถูกขับไสกลับออกมามิได้ทำให้ราชาแห่งเมิร์กวู้ดแปลกพระทัย ถ้อยวาจาปลอบใจแต่ก็คลับคล้ายกับเหน็บแนมไปในทีเอ่ยแด่นักธนูหัวรั้นก่อนมีบัญชาให้ยาตราทัพพรายไปหน้าเมืองแห่งขุนเขาในยามรุ่งทิวาถัดไป

น่าประหลาดแท้ที่แม้ดึกดื่นจนรัตติกรลอยโด่งกลางท้องนภาแล้ว ทง่านักธนูประหลาดคนนั้นก็ยังหาได้หลีกเร้นตนไปพักผ่อนไม่ จอมพรายสูงศักดิ์แจ้งในพระทัยว่าดวงตาช่างสงสัยของมนุษย์ตนนั้นยังคงเฝ้าจับจ้องกระโจมที่พักของตนอยู่ไม่ว่างเว้น

ให้ตรองดูว่าเหตุไฉนนักธนูแห่งเมืองทะเลสาบจึงเฝ้ามองที่พักของตนไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ จักกริ่งเกรงว่ามีภยันตรายใดมาทำร้ายเลยจักต้องจับตามองเป็นแม่นมั่นก็หาใช่ไม่ ด้วยกษัตริย์พรายซินดาร์นั้นถูกอารักขารายล้อมอารักขาแน่นหนา

พรายเจ้าผู้งดงามนึกใคร่รู้จึ่งแสร้งตลบผ้าที่บดบังทางขึ้น นัยเนตรสีดุจน้ำค้างกระจ่างเพ่งออกไปสบประสานกับดวงตาคมกริบสีแมกไม้ที่จับจ้องอยู่นาน

รอยยิ้มบางๆคลี่เหนือใบหน้าของมนุษย์ก่อนที่วีรบุรุษแห่งเอสการอธจักเลี่ยงหลบหายไป

ราชาพรายแห่งพงไพรไม่อาจเข้าพระทัยในตัวนักธนูได้ ทรงกอบเก็บความสนเท่ห์ก่อนจักละมือให้ชายผ้าทิ้งตัวลงตามเดิม

.

.

.

กลับมาแต่งต่อแบบงงๆ และจากไปแบบงงๆเช่นกันค่ะ ฟิ้ววว ~~~

ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านกันนะคะ 🙏😍

[Drabble] The Hobbit – Ask for the moon

Pairing: Bard Bowman / Thranduil (Barduil)

.

.

.

เคยมีเรื่องเล่าโบราณของเอสการอธกล่าวอ้างว่าดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญได้ทำให้บุรุษคนหนึ่งกลายเป็นคนบ้าใบ้

ประกายนวลละออสุกสกาวบนนภายามรัตติกาลล่อลวงให้ปุถุชนหลงใหลเคลิ้บเคลิบ ปรารถนาอยากครอบครองเจ้าศศิธรที่ลอยล่องอยู่กลางเวหา เมฆาสีทมิฬดุจดั่งอาภรณ์ประณีตที่ห่อหุ้มจันทราประดับประดาด้วยดาราสีเงินแพรวพราวระยับจับตา จวบจนความลุ่มหลงนั้นยิ่งแรงกล้า ชายผู้นั้นหมกหมุ่นเฝ้าถวิลหาอยากครอบครอบดวงจันทราจนสิ้นชีวาไป

นักธนูมือฉมังแห่งเมืองทะเลสาบจะมิเคยนึกใส่ใจในเรื่องราวบั่นทอนสติปัญญาเช่นนั้นมากก่อน หากว่าเขามิเคยได้พบพานกับความเพริศแพร้วพิลาศของรัตติกรแห่งดินแดนพงไพร

นามสื่อถึงวสันตฤดูอันเบิกบาน พรายเจ้าผู้เป็นดั่งหัวใจของอาณาจักรพรายแห่งป่ากรีนวู้ด

นักธนูมือหนึ่งมิเคยคาดคิดว่าจักได้พบสิ่งมีชีวิตที่งดงามตระการตาเช่นนี้มาก่อน ทั้งวรองค์สูงสง่าปราดเปรียวราวกับต้นเบิร์ชที่เติบโตใต้แสงตะวันแรงกล้า นัยนาสีฟ้าเยือกเย็นดุดันไม่ต่างจากศาตราอันคมกริบ อีกทั้งเส้นเกษาอร่ามตาที่สะบัดหยอกเย้าสายวาโย ยามที่พรายเจ้าผู้สูงศักดิ์เยื้องย่างกายดูคล้ายกับดวงจันทราที่กำลังลอยเหนือพื้นพสุธาก็ไม่ปาน

ทว่ายามนี้จันทรเจ้าได้หลบเร้นกายเข้าไปในกระโจมที่พักของตนด้วยประสงค์จักหลบหลีกความวุ่นวายแลเสียงอึกทึกเป็นที่รำคาญใจ พวกเขากำลังเตรียมการจักยาตราทัพไปประจัญบานกับราชาแห่งขุนเขาในอีกไม่กี่เพลา

ราชันพรายแห่งไพรวัลย์คงจักปรารถนาที่จะได้เอนกายพักผ่อนหลังจากต้องขับเคี่ยวประคารมกับพ่อมดประหลาดนามว่า แกนดัล์ฟ มานาน

เขามิเคยคิดว่าตนเองจักมีห้วงอารมณ์โหยหาในความเพริศพรายของเหล่าพรายมากถึงเพียงนี้ หาใช่เขาไม่เคยพบพานกับพวกพรายป่ามากก่อน ทว่าความวิลาศของราชาพรายนั้นล้ำเลิศ โดดเด่น ยิ่งกว่าพรายตนใด ๆ

นักธนูผู้สบยมังกรไฟใต้ขุนเขาได้แต่แอบเฝ้ามองดูกระโจมของราชาพรายอยู่ไกล ๆ พลางทอดถอนหายใจ เขาหวังแค่เพียงว่าราตรีนี้จักมีโอกาสสักน้อยนิดได้ยลความงามนั้นอีกคราแม้แค่เพียงปลายเกศาทองสลวยนั้นก็ถือว่าเลอค่ายิ่งนัก

คิดแล้วก็ให้นึกสะท้อนใจว่าเขานั้นช่างโง่เง่าไม่แตกต่างจากชายบ้าในเรื่องเล่าเก่าแก่เสียเลย

บุรุษที่คลั่งไคล้ใฝ่รักในดวงจันทรา

แม้จักรู้ดีว่าตนนั้นไม่มีวันได้ครอบครอง

.

.

.

มาแบบสั้น ๆ แล้วก็จากไป ฟิ้ววว ~~

จริง ๆ คืออยากลองเขียนแนวพร่ำพรรณนาแบบเวอร์วังอลังการมาสักพักแล้วค่ะ แต่ไม่รู้จะแต่งอะไรดี พอดีช่วงนี้กลับมาหวีด LOTRs กับ Hobbit เลยเอามาระบายลงกับเสด็จเตี่ยเลย 😂

ต้องขอบคุณคุณมาย (Kaze_Ryuusaki) กับ คุณลูกสน (luksonkun) ด้วยนะคะที่มาช่วยกันหวีดและพายเรือนักธนูกับราชาพรายลำนี้