Novelber 2018 – Midnight Blue 6

Checklist: 3rd – Sweet

Pairing: Bard Bowman x Thranduil (Barduil)

Genre: AU / Out of main plot / Romance (?)

Previously: [ 1 ] [ 2 ] [ 3 ] [ 4 ] [ 5 ]

คลานเข่าเข้ามาแปะฟิคค่ะ มาช้าและสั้นมากตามเดิม กราบขออภัยคนอ่านด้วยนะคะ

.

.

.

.

บาร์ดยืนรออยู่ข้างรถยนต์ของตัวเองรอคอยลูกสาวทั้งสองคนตามออกมาสมทบ นิ้วเรียวยาวเคาะโลหะบนตัวรถเป็นจังหวะ บาร์ดเหลือบมองเงาสะท้อนภาพของตัวเองบนกระจกรถเพื่อสำรวจความเรียบร้อย วันนี้เขาใส่เสื้อยืดสีเรียบกับกางเกงยีนส์สีเข้ามคลุมทับด้วยเสื้อนอกเนื้อบาง

ภาพสะท้อนนั้นไม่ได้ดูแย่อะไร บาร์ดยกมือขึ้นสำรวจใบหน้าของตัวเองที่เพิ่งโกนกับเล็มแต่งหนวดของตัวเองไปเมื่อเช้าตรู่อีกครั้งด้วยแววตากังวล บาร์ดลองพยายามฝึกยิ้มให้ดูมีเสน่ห์ที่สุดกับภาพสะท้อนตัวเองก่อนจะสรุปเองว่าอย่าทำเลยจะดีกว่า

ชายหนุ่มยอมรับว่าเขาค่อนข้างกระวนกระวายใจนิดหน่อยระหว่างที่ยืนรอซิกริดกับทิลด้า คนเป็นพ่อหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมากดอ่านข้อความที่เขาคุยกับธรันดูอิลอ่านอีกครั้ง ทบทวน

From: Thranduil

เฮ้ สุดหล่อที่คุณถามว่าเลโกลัสว่างหรือเปล่าเสาร์นี้ ผมลองถามเขาแล้วเขาดูโอเคนะ แล้วทางคุณละเป็นยังไงบ้าง?

To: Thranduil

ยอดเยี่ยมไปเลย ผมลองเปรยๆกับลูกๆแล้ว เหมือนทิลด้ากับซิกริดจะไม่มีธุระอะไร

From: Thranduil

แล้วเบอินละ เขาจะไม่มากับเราด้วยหรือ?

To: Thranduil

เบอินมีนัดกับเพื่อนแล้ว แต่เหมือนตอนเย็นเขาไม่ได้ไปไหนน่าจะสะดวก ถ้าคุณอยากจะทานมื้อเย็นกับพวกเรานะ

From: Thranduil

ผมอยากทานมื้อเย็นกับครอบครัวคุณนะบาร์ด แต่เด็กๆจะโอเคหรือเปล่าที่จู่ๆก็มีคนแปลกหน้าไปร่วมโต๊ะด้วย

To: Thranduil

เฮ้ คนสวย คุณไม่ใช่คนแปลกหน้าแล้วนะ อย่าลืมสิคุณจะได้เจอพวกเขาอยู่เสาร์นี้แล้ว

From: Thranduil

ผมก็ยังอดกังวลไม่ได้นะบาร์ด ไม่รู้ว่าพวกเด็กๆจะมีปฏิกิริยายังไงกันบ้างตอนเจอหน้ากัน

To: Thranduil

อย่าเครียดไปก่อนเลยธรัน ผมว่าเด็กๆน่าจะเข้ากันได้ดี

To: Thranduil

ยังไงผมอยู่กับคุณด้วยนะธรัน พวกเราช่วยกันให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุดเท่าที่พอจะทำได้ก็แล้ว

From: Thranduil

ผมก็หวังให้เป็นแบบนั้น อย่างน้อยเลโกลัสก็จะได้รู้จักเพื่อนเพิ่มขึ้น

From: Thranduil

ว่าแต่คุณยังไม่ยอมบอกผมเลยนะว่าเสาร์นี้คุณจะพาผมไปไหน

To: Thranduil

จุ๊ๆ 🤫 ยังบอกไม่ได้นะ ความลับๆ

From: Thranduil

คุณจะก็อปปี้วิธีการของผมหรอสุดหล่อ!? 😏

To: Thranduil

ความลับทำให้คนเราดูมีเสน่ห์ยังไงละคุณนายแบบกรีนลีฟ เพราะฉะนั้นผมจะไม่บอกคุณว่าผมจะพาคุณกับเลโกลัสไปไหนก่อนหรอกนะ

From: Thranduil

ก็ได้ๆ ผมยอมไปก่อนก็ได้สุดหล่อโบว์แมน เอาเป็นว่าผมรอเซอร์ไพรส์จากคุณก็กัน

From: Thranduil
จะได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนเวลาเราแกะของขวัญวันคริสมาสไง 😉

To: Thranduil

คุณก็ว่าไปนั่น ผมแค่ล้อเล่นหน่า เราจะไปสวน Kensington กัน คุณเคยไปมาก่อนใช่ไหม?

From: Thraduil

ไม่รู้สิผมจำอะไรเกี่ยวกับที่นั่นไม่ค่อยได้เลย น่าไม่ไปมานานพอสมควรแล้วล่ะ

To: Thranduil

งั้นก็ยอดเยี่ยมไปเลย ถือว่าไปพักผ่อนสบายๆแล้วกันนะ

To: Thranduil

ผมจะขับรถไปรับคุณกับเลโกลัสเสาร์นี้ สักประมาณเก้าโมงไหวไหม

From: Thranduil

ได้เลยบาร์ด เดี๋ยวผมแชร์โลเคชั่นบ้านผมไว้ให้นะ

From: Thranduil

พูดตรงๆ นี่ผมตื่นเต้นมากเลยนะ ผมหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น

To: Thranduil

ผมว่ามันต้องโอเคมากๆแน่นอน คนสวย😎

ถึงจะบอกธรันดูอิลไปแบบนั้นแต่บาร์ดเองก็ยอมรับว่าลึกๆมีความรู้สึกกดดัน เขาเครียดตั้งแต่ตอนที่เริ่มเกริ่นเรื่องไปเที่ยวกับลูกๆทั้งสามตอนทานมื้อค่ำเมื่อสองสามวันก่อนแล้ว ทิลด้าดูมีความสุขและตื่นเต้นมากที่สุดเมื่อบาร์ดบอกว่าจะพาไปเที่ยวเพราะเธออายุน้อยที่สุดในบ้าน การได้ไปเที่ยวนอกบ้านกับพ่อคือความสุขที่สุดของเด็กหญิง

ซิกริดทำเพียงแค่เลิกคิ้วประหลาดใจแต่เธอก็ไม่ได้ซักไซ้ไล่เรียงอะไร ต่างกับเบอินที่รีบบอกว่าเขาติดธุระกับเพื่อนแล้วอาจจะไม่สะดวกที่จะไปด้วยได้

ความกดดันต่อมาคือการที่บาร์ดต้องบอกลูกๆว่าพวกเขามีคนรู้จักของบาร์ดมาร่วมด้วย เด็กๆต่างอยากรู้อยากเห็นว่าเพื่อนของบาร์ดคือใคร ต้องยอมรับอย่างหนึ่งคือบาร์ดเองก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆมานานพอสมควรแล้วนับตั้งแต่บาร์ดรับหน้าที่ดูแลลูกทั้งสามแบบเต็มตัว บาร์ดทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการทำงานและการดูแลครอบครัวจนเขาแทบไม่ได้เจอเพื่อนฝูงเลยหลังจากภรรยาจากไป

นับว่าเป็นโชคดีของบาร์ดที่เด็กๆทุกคนไม่ได้ถามคำถามอะไรที่ทำให้ชายหนุ่มกระอักกระอ่วนใจ พวกเขาเพียงแค่อยากทราบว่าคนที่มาเที่ยวด้วยเป็นใคร ชื่ออะไร ทำงานอะไร เท่านั้น

ยกเว้นแต่แววตาเป็นประกายวาววับแปลกๆกับรอยยิ้มกริ่มมุมปากของซิกริดที่มองหน้าบาร์ดตอนเล่าถึงธรันดูอิลเท่านั้นที่ทำให้คนเป็นพ่อเหมือนหายใจไม่ทั่วท้องชอบกล

เหมือนเวลาเบรนด้าจับผิดอะไรบางอย่างจากบาร์ดได้!!

ซิกริดโตมาเหมือนเบรนด้ามากเหลือเกิน ใบหน้าสะสวยของเธอละม้ายแม่ที่ล่วงลับไป สาวน้อยเป็นคนไม่พูดอะไรมากแต่มักจะชอบใช้สายตากลมโตคู่นั้นสำรวจพินิจพิเคราะห์มากกว่า

“ดา พวกเราพร้อมแล้วค่ะ” ซิกริดเดินจูงทิลด้าออกมาเอ่ยเรียกปลุกบาร์ดให้ตื่นจากภวังค์ความคิด

ชายหนุ่มหันไปมองลูกสาวทั้งสองคน วันนี้สาวๆของเขาแต่งตัวเข้าคู่กันในชุดเดรสผ้สเดนิมสีน้ำเงินดูน่ารัก ซิกริดน่าจะช่วยถักเปียหางเดียวให้ทิลด้าด้วย

เด็กน้อยเดินมาเขย่ามือบาร์ดพลางหมุนตัวโชว์ให้ดู “ดาคะ วันนี้หนูดูดีแล้วหรือยังคะ”

บาร์ดย่อตัวลงไปให้สายตาเสมอกับลูกสาวคนเล็ก “วันนี้น่ารักมากจ๊ะ ลูกสาวของพ่อน่ารักที่สุดอยู่แล้ว” ชายหนุ่มอุ้มร่างเล็กๆนั้นขึ้นมาพร้อมกับหอมแก้มนิ่มนั้นด้วยความหมั่นเขี้ยว ซิกริดมองดูพ่อกับน้องสาวของเธอด้วยรอยยิ้มน้อยๆ

คนเป็นพ่ออุ้มร่างเล็กๆนั้นเข้าไปนั่งในรถด้านพร้อมคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย ซิกริดตามมานั่งข้างๆน้องสาวเพื่อคอยดูแลเธอในขณะที่บาร์ดเดินไปเปิดประตูรถด้านคนขับ

บาร์ดข่มความตื่นเต้นไว้ด้วยใบหน้าสงบนิ่งพลางขับรถไปยังโลเคชั่นที่จิตรกรหนุ่มผมทองแชร์ไว้ให้ ทิวทัศน์รอบด้านเริ่มเปลี่ยนจากบ้านเรือนที่ตั้งติดๆกันดูน่าอึดเป็นบ้านที่ตั้งห่างขึ้น บรรยากาศรอบด้านมีความแตกต่างจากละแวกบ้านของพวกเขาค่อนข้างมาก

มือหนาชื้นเหงื่อประคองพวงมาลัยบังคับรถคู่ใจให้เลี้ยวไปตามเส้นทาง ใจของบาร์ดเต้นแรงขึ้นไปเรื่อยๆเมื่อรถของพวกเขาเริ่มใกล้จุดหมายปลายทางเข้าไปทุกที

“ที่นี่หรอคะ?” ซิกริดถามเมื่อบาร์ดขับรถมาจอดเทียบทางเดินทางบนถนนแห่งหนึ่งที่เธอไม่คุ้นเคย สาวน้อยมองผ่านหน้าต่างรถออกไป ตึกสีขาวสูงประมาณสามถึงสี่ชั้นกับบานประตูสีดำสนิทหรูหราตั้งอยู่เบื้องหน้าเธอ

“ใช่แล้วจ๊ะ เดี๋ยวพวกเราลงไปหาเพื่อนของพ่อกันนะ”” บาร์ดเอ่ยพลางปลดสายเข็มขัดนิรภัยที่นั่งของตัวเอง

ทิลด้ากับซิดริดดูตื่นเต้นกับการได้มาพบเจอสถานที่ใหม่ๆที่สวยงามแบบนี้ สองสาวมองดูตึกรามบ้านช่องรอบกายอย่างสนอกสนใจ บาร์ดเองก็ยอมรับว่าเขาเองก็ตะลึงงันไปเล็กน้อยตอนที่ธรันดูอิลแชร์สถานที่ตั้งของบ้านมาให้ เพราะสถานที่ที่ชายผมทองพักอาศัยนั้นถือเป็นหนึ่งย่านที่พักราคาแพงหูฉี่ของลอนดอน เป็นพื้นที่ที่บาร์ดเองก็ไม่ได้มาเดินทางมาบ่อยๆเท่าไร

คุณพ่อลูกสามรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าไปหมดเมื่อปลายเท้าของเขาหยุดตรงหน้าบานประตูบ้านของธรันดูอิล มือไม้ดูเงอะงะเหมือนอยู่ผิดที่ทางไปหมดโดยไม่ตั้งใจจนซิกริดแอบขำกับท่าทางของพ่อ

“ดา ใจเย็นๆสิค่ะ”

บาร์ดกะพริบตามองดูลูกสาวคนกลางที่กำลังอมยิ้มขบขันเขาอยู่ก่อนจะเม้มปากนิดๆด้วยความเขินอาย ชายหนุ่มยกมือชื้นเหงื่อขึ้นไปกดกริ่งเรียกเจ้าของบ้านให้ทราบว่าพวกเขามาแล้ว

บานประตูสีดำเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มผมน้ำตาลยาวในชุดสุภาพเดินออกมาต้อนรับพวกเขา “คุณโบว์แมนใช่ไหมครับ?”

บาร์ดไม่รู้จักชายหนุ่มตรงหน้าเลยได้แต่ยิ้มเกร็งๆส่งให้แทนคำทักทาย “อะ..ครับ นี่ลูกสาวผม ซิกริดกับทิลด้า ผมนัดกับธระ…คุณกรีนลีฟไว้ตอนเก้าโมงครับ”

“ผมชื่อเฟเรน เป็นคนดูแลบ้านของคุณธรันดูอิล” เฟเรนแนะนำตัวเองพลางผายมือเชื้อเชิญแขกให้เข้ามาด้านใน “เชิญเข้ามาด้านในก่อนนะครับ ตอนนี้คุณธรันดูอิลกำลังช่วยคุณเลโกลัสแต่งตัวอยู่ อีกสักพักจะลงมาพบนะครับ”

เฟเรนช่วยแขกทั้งสามถอดเสื้อคลุมแขวนไว้ที่หน้าประตูเรียบร้อยก่อนจะนำทางพวกเขาเดินไปยังห้องรับรองแขก

บาร์ดมองสำรวจบ้านของธรันดูอิลที่ถูกจัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยทุกส่วน เรื่องความสะอาดไม่ต้องพูดถึงเลยจริงๆ เพราะบาร์ดมองไม่เห็นแม้แต่ฝุ่นสักเม็ดเดียว ซิกริดน่าจะชอบมากเพราะเธอคือคนที่รักสะอาดที่สุดในบ้านแล้ว ทุกวันซิกริดจะต้องคอยจู้จี้ไล่ให้เบอินหรือเขาเองไปทำความสะอาดบ้านตลอด

ชายหนุ่มผมน้ำตาลพาพวกเขามานั่งรอที่โซฟากว้างติดกับเตาผิงก่อนจะหายตัวไปสักพักและกลับมาพร้อมถาดน้ำชาร้อนๆกลิ่นหอมละมุน

บาร์ดเอื้อมมือไปรับถ้วยชากระเบื้องเคลือบเนื้อดีที่ประเมินด้วยสายตาคร่าวๆแล้วน่าจะมีราคาไม่เบาจากเฟเรนพร้อมเอ่ยขอบคุณ ชาเอิร์ล เกรย์กลิ่นหอมละมุนในถ้วยแสนสวยช่างเชิญชวนให้แขกผู้มาเยือนลิ้มลองรสชาชั้นเลิศ

ระหว่างที่เจ้าของบ้านยังไม่ลงจากตัวบ้านชั้นบนเฟเรนจะคอยดูแลบาร์ดและสองสาวน้อยอยู่ไม่ห่าง แม้ชายหนุ่มไม่ใช่คนช่างพูดคุย ส่วนหนึ่งอาจเพราะหน้าที่ของเขาคือคนดูแลที่นี่ แต่เฟเรนก็เป็นคนมีเรื่องเล่าที่ทำให้คนฟังเพลิดเพลิน อีกทั้งพ่อบ้านหนุ่มยังมีน้ำใจหยิบเอามิลด์ช็อคโกแลตอร่อยๆจากในครัวมาให้ทิลด้าด้วย

เด็กหญิงยิ้มตาเป็นประกายระหว่างที่รับมิลด์ช็อคโกแลตจากมือชายหนุ่มผมน้ำตาลมา “ขอบคุณนะคะ”

“ด้วยความยินดีครับ คุณทิลด้า”

บาร์ดหรี่ตามองพลางยืดแขนไปแบมือตรงหน้าทิลด้า รอยยิ้มหวานนั้นหุบลงทันตา “ทิลด้า”

“ดา หนูขอกินนิดนึงก่อนไม่ได้หรือคะ” ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตมองอ้อนพ่อของเธอด้วยแววตาน่าสงสาร แต่บาร์ดไม่ใจอ่อนง่ายๆ

“ไม่ได้ค่ะ กินของหวานๆก่อนทานอาหารจะทำให้หนูปวดท้องนะ”

ทิลด้าทำตาละห้อยก่อนจะตัดใจส่งมิลด์ช็ิอคโกแลตทั้งหมดนั้นใส่มือบาร์ด

“เดี๋ยวดาจะเก็บช็อคโกแลตไว้ให้หนูก่อน ถ้าหนูเป็นเด็กดีทานอาหารเที่ยงหมดจาน ดาจะคืนช็อคโกแลตให้หนู โอเคไหมคะ?”

“โอเคค่ะ สัญญากันแล้วนะ” เด็กหญิงยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวทำสัญญากับพ่อเธอ บาร์ดยิ้มนิดๆก่อนจะยื่นนิ้วก้อยขวาส่งไปเกี่ยวกับนิ้วเล็กๆของลูกสาว

“ขอโทษที่มาสาย รอกันนานมากไหม” เสียงทุ้มกังวานที่บาร์ดแอบเฝ้ารอตั้งแต่เหยียบเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้ดังขึ้นในที่สุด

ในที่สุดธรันดูอิลก็เดินเข้ามาในห้อง ร่างสูงโปร่งโดดเด่นดึงดูดสายตาของบาร์ดก้าวเข้าาพร้อมกับร่างเล็กๆข้างกาย เขาพอจะเดาได้ว่านั่นคือเลโกลัสแน่นอน มองจากโครงหน้าที่ละม้ายกับธรันดูอิลและเรือนผมสีทองสว่างไสวไม่ต่างกัน

“ไม่หรอก พวกเราเองก็เพิ่งถึง” บาร์ดผุดลุกจากโซฟาที่นั่งเดินไปทักทายเจ้าของบ้าน

“คุณสวยมากวันนี้” คุณพ่อลูกสามแอบกระซิบชมจิตรกรหนุ่มตามด้วยส่งขยิบตาน้อยๆที่ทำเอาใบหน้าสะสวยยิ้มขวยเขิน

“ขอบคุณนะบาร์ด วันนี้คุณก็เท่มากเหมือนกัน” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆตอบกลับพลางเอียงหน้าพยักเพยิดไปที่ร่างเล็กๆที่ยืนเกาะขาเรียวไม่ยอมห่าง “นี่เลโกลัส ลูกชายของผมเอง”

“เฮ้ ว่ายังไงหนุ่มน้อย” บาร์ดโน้มตัวลงไปหาเลโกลัสที่กำลังเงยหน้าขึ้นมามองชายแปลกหน้าด้วยสีหน้าลังเลก่อนที่เด็กชายจะหมุนตัวหลบไปด้านหลังธรันดูอิล

“ใบไม้น้อย ไม่ต้องกลัวนะลูก นี่เพื่อนของอดาเอง” ธรันดูอิลรับรู้ได้ถึงแรงสั่นจากศีรษะน้อยๆที่อยู่ติดกับขาของเขา ชายหนุ่มได้แค่ทอดถอนหายใจพลางหันมายิ้มให้กับบาร์ด “เขาค่อยข้างจะขี้อายกับคนแปลกหน้า คุณอย่าโกรธเขาเลยนะบาร์ด”

บาร์ดยิ้มน้อยเมื่อมองเห็นดวงตาสีฟ้าใสคู่นั้นของเลโกลัสแอบมองมาจากด้านหลังคนเป็นพ่อ เด็กน้อยดูอยากรู้อยากเห็นแต่แววตายังเจือไปด้วยความระแวงซึ่งเป็นที่เข้าใจได้

“ไม่เป็นไร อีกสักพักเขาน่าจะเริ่มชินขึ้น” บาร์ดตอบรับพลางหันไปแนะนำลูกสาวของเขาทั้งสองที่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟา “ผมขอแนะนำลูกสาวให้รู้จัก ซิกริด กับ ทิลด้า ส่วนนี่คุณธรันดูอิล กรีนลีฟ เพื่อนของพ่อเอง”

ซิกริดที่ยังดูจะตกตะลึงกับกับการปรากฎตัวของธรันดูอิลรีบพาทิลด้าผุดลุกขึ้นไปจับมือทักทายเจ้าของบ้านอย่างสุภาพ ชายหนุ่มผมทองก็ตอบรับซิกริดอย่างนุ่มนวลก่อนที่ความสนใจของธรันดูอิลจะไปตกที่ทิลด้า สาวน้อยแก้มยุ้ยที่กำลังยืนกอดตุ๊กตากระต่ายของตัวเองพลางจับมือพี่สาวไว้แน่น ดูไปแล้วก็ไม่ต่างจากเลโกลัสเลย

“สวัสดีสาวน้อยคนสวย” จิตรกรหนุ่มต้องย่อตัวลงมาเพื่อให้ระดับสายตาของเขาเท่ากับทิลด้า เพราะธรันดูอิลถือเป็นผู้ชายที่ตัวสูงมากคนหนึ่ง มองด้วยสายตาผาดๆเขาอาจจะสูงกว่าบาร์ดด้วยซ้ำ “วันนี้ชุดของเธอน่ารักมากๆเลยรู้ไหม”

ทิลด้ายิ้มเอียงอายกับคำชมนั้น “ขอบคุณค่ะ คุณกรีนลีฟก็น่ารักเหมือนกัน แถมผมคุณเองก็สวยมากด้วย”

ทั้งบาร์ดและธรันดูอิลต่างเลิกคิ้วกับคำชมของเด็กหญิง ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน

“ขอบคุณนะสาวน้อย” ธรันดูอิลโน้มตัวไปหอมแก้มนิ่มนั้นด้วยความหมั่นเขี้ยวแทนคำขอบคุณโดยมีบาร์ดที่ทำตาโตตกใจประกอบอยู่เป็นฉากหลัง

ไม่อยากจะรู้สึกอิจฉาลูกสาวคนเล็กเลยจริงๆ แต่บาร์ดคิดว่าจริงๆแล้วเขาควรเป็นคนได้รับการหอมแก้มจากธรันดูอิลมากกว่า แต่พวกเขากำลังอยู่ท่ามกลางสมาชิกในบ้านคนอื่นๆด้วย คงไม่เหมาะเท่าไรที่ทั้งสองคนจะทำอะไรตามใจชอบได้เหมือนตอนที่พวกเขาอยู่กันตามลำพัง สุดท้ายบาร์ดก็ต้องกอบเก็บความรู้สึกประหลาดนั้นลงไปลึกๆแล้วกลบเกลื่อนมันด้วยรอยยิ้มแบบทุกครั้ง

“หนูอยากมีผมสีทองยาว สวย แบบนี้มากๆเลยค่ะ” เสียงใสยังคงเจื้อยแจ้วไปตามประสา ตากลมๆของทิลด้าเองก็ทอประกายวิบวับเวลาเห็นเส้นไหมสีทองละเอียดนั้นสะบัดตัวไปมาอย่างสวยงามทุกครั้งที่ชายหนุ่มขยับตัว

ธรันดูอิลยิ้มรับคำชมนั้นด้วยความภาคภูมิใจ เส้นผมสลวยของเขาถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ธรันดูอิลถือเป็นสิ่งที่รักมาก ทุกวันเขาจะใช้เวลาในการบำรุงดูแลเส้นผมอย่างดีไม่เคยขาด

“อยากลองจับผมของฉันไหมละสาวน้อย” เสียงทุ้มถามเด็กน้อย

ทิลด้าพยักหน้าก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือเล็กๆของเธอไปจับเส้นไหมสึทองนุ่มลื่นของธรันดูอิลตามที่เจ้าตัวอนุญาต ดวงตากลมเบิ่งกว้างเมื่อสัมผัสเรือนผมที่นุ่มนวลนั้น “ผมคุณลื่นดีจังเลยค่ะ หนูอยากมีผมสวยๆแบบคุณบ้าง”

จิตรกรหนุ่มหันกลับจับมือลูกชายที่ยังยืนหลบอยู่ด้านหลังให้เดินออกมาด้านหน้า “เลโกลัสเองก็ผมสวยเหมือนกันน้า ทิลด้าอยากทำผมสวยๆแบบนี้ไหม”

เลโกลัสที่แม้จะดูสนอกสนใจทิลด้าเพราะทั้งคู่อายุไล่เลี่ยกันแต่ยังมีท่าทีอิดออดไม่มั่นใจ ตรงข้ามกับเด็กหญิงที่ทำตาโตกับผมยาวสลวยของเลโกลัสที่ถูกรวบไว้ครึ่งศีรษะด้วยเปียก้างปลาสวยงาม

“ซิกริด ทิลด้าอยากทำผมแบบนี้ไว้ทำให้ทิลด้าบ้างนะ” เด็กหญิงเขย่ามือพลางเอ่ยปากอ้อนพี่สาวไม่หยุด

“อะ…จ้าได้แน่นอน ไว้พี่จะลองทำผมให้นะ” ซิกริดที่ยังจ้องมองธรันดูอิลไม่วางตาเอ่ยตะกุกตะกักตอบรับน้องสาว เด็กสาวยังคงไม่คลายความตื่นเต้นที่ได้พบเจอชายหนุ่มที่เธอเองก็ไม่รู้จะอธิบายว่าอย่างไรถึงจะเหมาะสมดี เพราะชายผมทองสว่างมีส่วนผสมทั้งความสวยและความสง่างามที่ลงตัวเหลือเกิน ยิ่งมองก็ยิ่งน่าหลงใหลดึงดูดใจ

เธอเลยไม่แปลกใจอีกแล้วที่จะเห็นพ่อของเธอดูประหม่าตั้งแต่ก่อนเท้าย่างเข้ามาในบ้านหลังนี้!

“ฉันช่วยทำผมให้ได้นะ เปียของเลโกลัสนี่ฉันก็เป็นคนถักเองนะ สวยหรือเปล่า?” ธรันดูอิลกระตือรือร้นเสนอตัวจะช่วยทำผมให้เด็กหญิง มือขาวจับหางเปียที่ถูกถักไว้เป็นระเบียบบนศีรษะของลูกชายตัวเองโชว์ให้เด็กหญิงดู ทิลด้าเองก็พยักหน้าถี่รัวรับ

“อะแฮ่ม เอาเป็นว่าเราพักเรื่องถักผมเปียไว้ก่อน” ก่อนที่ทุกคนจะมัวสนใจเรื่องการทำผมเสริมสวยไปหมดบาร์ดก็กระแอมไอขัดจังหวะ “เอาเป็นว่าตอนนี้ทุกคนพร้อมกันแล้วยังไงก็ไปกันเลยดีไหม”

“ได้เลยบาร์ด” ธรันดูอิลแอบหลุดขำเล็กน้อยระหว่างที่ตอบรับบาร์ดก่อนหันไปหาเฟเรน “คืนนี้ผมคงไม่ได้กลับมาทานอาหาร ยังไงฝากดูแลบ้านด้วยแล้วกัน”

“ไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับ” เฟเรนอวยพรให้ทุกคน

“เอาละคนสวยทั้งหลาย ได้เวลาไปกันแล้ว”

ระหว่างที่ทุกคนกำลังทยอยเดินออกจากบ้านบาร์ดสังเกตุเห็นว่าธรันดูอิลที่กำลังจูงมือพาเลโกลัสเดินนั้นมีแอบหันมากระซิบส่งให้ทิลด้าว่าประเดี๋ยวจะหาเวลาถักเปียให้เธอ ซึ่งสาวน้อยของเขาก็ทำตาโตพยักหน้ารับก่อนที่ชายผมทองจะแสร้งทำยกมือขึ้นชิดกับริมฝีปากคล้ายกับจะบอกให้เธอเงียบๆไว้พร้อมกับดวงตาสีฟ้ากระจ่างแอบเหลือบมามองทางเขาคล้ายกับจะลอบมองอย่างระแวดระวังเหมือนกลัวว่าจะโดนบาร์ดดุได้หากเขาไปได้ยินเข้า

ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดู

คุณพ่อลูกสามได้แต่อมยิ้มส่ายหัวกับตัวเอง

อย่างน้อยก็เริ่มต้นไม่ได้แย่ หวังว่าวันนี้ตลอดทั้งวันทุกอย่างจะราบรื่นอย่างที่ตั้งใจไว้

.

.

.

.

To Be Continue ~

Novelber 2018 – Midnight Blue 5

Checklist: 6th – Paper Doll / 20th – Nominee

Paring: Bard Bowman x Thranduil (Barduil)

Genre: AU / Out of main plot / Romance (?)

Previously: [ 1 ] [ 2 ] [ 3 ] [ 4 ]

มาแบบสั้นๆ มาช้าจนเลยเทศกาล Novelber ไปแล้ว แถมเนื้อเรื่องก็ยังไม่ไปไหนด้วยค่ะ 😂

=====

บาร์ดใช้เวลาช่วงบ่ายตั้งใจเคลียร์งานที่กองเต็มโต๊ะ รีพอร์ตการไปพบลูกค้ามากมายที่เขาต้องสรุปส่งหัวหน้าอัลเฟรดผู้ยังคงเพียรหาเรื่องจ้องจับผิดการทำงานของเขาไม่้เลิก

บางสิ่งดูเล็กน้อย เช่น การไปห้องน้ำนาน หรือ พิมพ์คำในรีพอร์ทตกไปเพียงสองคำ ก็กลายเป็นประเด็นที่ทำให้อัลเฟรดหาเรื่องมากลั่นแกล้งได้ไม่เลิกรา พ่อม่ายลูกสามได้แค่ปลงใจ นั่งทำงานของตัวเองไปพลางเฝ้ารอเวลาเลิกงานอย่างใจจดจ่อ

ทันทีหมดเวลาทำงานบาร์ดไม่รีรอปิดคอมพิวเตอร์พร้อมคว้ากระเป๋าของตัวเองดิ่งออกออกประตูไปยังรถส่วนตัว ชายหนุ่มรีบร้อนขับรถมุ่งหน้าไปที่โรงเรียนของเด็กๆเพื่อรีบพวกเขากลับบ้าน

ระหว่างทางบาร์ดแวะซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อวัตถุดิบของสดเข้าบ้าน เช่น ขนมปัง มันฝรั่ง เนย และเนื้อปลา เพราะมื้อเย็นวันนี้ทิลด้าอ้อนอยากทานฟิชแอนด์ชิปฝีมือบาร์ดกับซิดริด

ที่จริงแล้วการไปหาร้านฟิชแอนด์ชิปทานนอกบ้านอาจจะสะดวกสบายกว่าด้วยซ้ำ แต่การที่ลูกสาวคนเล็กอ้อนขอให้บาร์ดทำให้ทานเองก็นับเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งในฐานะคนเป็นพ่อ

เมื่อกลับถึงบ้านทุกคนต่างแยกย้ายกันไปจัดการงานส่วนของตัวเอง คนที่ต้องรับผิดชอบมื้อเย็นก็ช่วยกันขนวัตถุไปไว้ที่ห้องครัวขนาดย่อม ส่วนคนที่ไม่ได้ช่วยทำอาหารก็จัดการงานบ้านเล็กๆน้อยๆก่อนจะแยกตัวไปทำการบ้านของตัวเอง

เพียงไม่นานกลิ่นหอมของเนื้อปลาทอดกับมันฝรั่งลอยฟุ้งไปทั่วบ้านเรียกให้กระเพาะที่กำลังว่างเปล่าของสมาชิกครอบครัวทุกคนร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียง

ช่วงเวลาทานอาหารเย็นคือเวลาที่ทุกคนจะได้อยู่พร้อมหน้ากัน บาร์ดจะใช้เวลาตรงนี้คอยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของลูกๆทุกคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขามีความสุขกับการเรียนและการใช้ชีวิต

เบอินเล่าถึงคลาสวิชาวาดภาพของเขาวันนี้ เด็กหนุ่มมีสีหน้าตื่นเต้นเมื่อเอ่ยถึงเรื่องราวของอาจารย์พิเศษที่แวะเวียนมาเยี่ยมและแชร์ประสบการณ์ให้พวกเขาฟังวันนี้

เด็กหนุ่มมีหน้าขวยเขินเล็กน้อยตอนที่เล่าเรื่องราวของอาจารย์พิเศษถึงประสบการณ์การเรียนวาดภาพสรีระมนุษย์ที่ต้องใช้ร่างเปลือยของนายแบบเป็นต้นแบบ

บาร์ดเกือบสำลักชาร้อนที่กำลังจิบอยู่เมื่อเบอินเล่าถึงจุดนี้ ซิกริดแอบหยิกแขนพี่ชายให้หยุดเล่าเพราะทิลด้าเองก็ยังอยู่นั่งอยู่ด้วย

ส่วนซิกริดนั้นไม่มีอะไรจะเล่ามากมายนัก เธอแค่มีปัญหากับวิชาคณิตศาสตร์นิดหน่อยแต่ซิกริดยืนยันกับบาร์ดว่าเธอไม่เป็นไร ด้านทิลด้า เธอรีบหยิบเอาตุ๊กตากระดาษที่วาดเองในคาบเรียนศิลปะขึ้นมาอวดทุกคนบนโต๊ะอาหารทันทีที่บาร์ดไถ่ถาม

เด็กน้อยวาดเจ้าตุ๊กตาเป็นสาวน้อยผิวขาวผมบลอนด์ทองสว่างยาวสยาย น่าประหลาดที่บาร์ดมองมันว่าคล้ายคลึงกับธรันดูอิลเหลือเกิน

บาร์ดตั้งคำถามกับลูกสาวคนเล็กว่าทำไมเธอถึงระบายสีตุ๊กตากระดาษเป็นผมบลอนด์ทองทิลด้าตอบแบบอ้อมแอ้มว่าเธออยากมีผิวขาวกระจ่างกับผมยาวสลวยสีทองเธอมองว่านั่นคือความสวย และเธอไม่ค่อยชอบผมสีน้ำตาลหยักศกของตัวเองเท่าไร

ชายหนุ่มยิ้มเอ็นดูสาวน้อยก่อนจะเรียกให้ทิลด้าน้อยมานั่งตัก บาร์ดบอกทิลด้าว่าเขารักเธอในแบบที่เธอเป็น ไม่ว่าสาวน้อยจะผิวสีเข้มหรือขาว ผมเรียบยาวหรือสั้นกุดบาร์ดก็รัก สิ่งสำคัญคือเขาอยากให้ลูกๆทุกคนภูมิใจในตัวเองและมั่นใจที่แสดงตัวตนของตัวเองออกมา

บาร์ดรู้ดีว่าเวลาที่เขาจะได้อยู่ใกล้ชิดลูกๆมีไม่มาก เมื่อเด็กๆโตขึ้นพวกเขาย่อมเติบโตไปมีชีวิตในรูปแบบของตัวเองโดยที่คนเป็นพ่อก็ไม่อาจคาดเดาได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรบาร์ดอยากให้ลูกๆทุกคนโตขึ้นไปด้วยความพร้อมและเปี่ยมด้วยความมั่นใจ สามารถใช้ชีวิตในโลกนี้ได้อย่างเข้มแข็ง

เจ้าถั่วน้อยพยักหน้ารับก่อนจะกอดคอพ่อของเธอแน่น เบอินกับซิกริดต่างมองดูน้องสาวคนสุดท้องด้วยความรักเอ็นดู

หลังจบมื้ออาหารทุกคนต่างก็แยกย้ายกันจัดการหน้าที่ตัวเองต่อ การต้องดูแลบ้านและลูกสามคนไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยเข็มสั้นของนาฬิกาจะแทบจะแตะเลขสิบอยู่ร่อมร่อ

บาร์ดอาบน้ำเช็ดเนื้อตัวก่อนใส่เสื้อยืดแบบง่ายๆ มือหนาคว้าหยิบโทรศัพท์มือถือจากบนที่นอนของตัวเองมาดูเวลา ตอนนี้สิบโมงสี่สิบห้านาทีแล้ว ยังเหลือเวลาอีกสักพักกว่าถึงที่นัดไว้ บาร์ดลังเลนิดหน่อยแต่ก็ตัดสินใจพิมพ์ข้อความส่งหาชายหนุ่มผมทอง

To: Thranduil

ไฮ คุณนายแบบกรีนลีฟ

บาร์ดรู้อยู่แล้วอีกฝั่งน่าจะไม่ได้ตอบกลับเขาทันที ชายหนุ่มจึงวางอุปกรณ์สื่อสารไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงก่อนเดินไปหยิบเอาหนังสือมาที่อ่านค้างไว้มาอ่านต่อ ต้องรออีกสักพักว่าธรันดูอิลจะตอบกลับเขามา

From: Thranduil

ไฮ สุดหล่อโบว์แมน โทษทีที่ตอบช้าผมมัวแต่ส่งลูกชายเข้านอน คืนนี้เลโกลัสดื้อจนผมปวดหัวเลย

To: Thranduil

แล้วตอนนี้ลูกชายคุณหลับแล้วหรือยัง? ถ้าคุณยังไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ

From: Thranduil

เลโกลัสเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างโอเค

To: Thranduil

คุณอยากจะพักสักหน่อยหรือเปล่่า ผมรอได้นะ

From: Thranduil

ไม่เป็นไรจริงๆ ผมโอเคที่จะได้ยินเสียงคุณตอนนี้มากกว่า

อึดใจต่อมาหลังจากข้อความจากชายหนุ่มผมทองส่งมาหาโทรศัพท์ของบาร์ดก็สั่นครืดคราด หน้าจอกะพริบเด่นหราโชว์ชื่อคนที่โทรเข้ามา คือ ธรันดูอิล

บาร์ดอมยิ้มน้อยๆกับความใจร้อนของอีกฝั่งพลางกดรับสาย ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงแผ่หราบนเตียงนอนนุ่มของตัวเองระหว่างที่เอ่ยทักทายปลายสาย “ว่ายังไงครับคุณนายแบบ”

“ว่ายังไงพ่อคนสุดเท่ คิดถึงผมบ้างไหม”

“ถ้าผมตอบว่าคิดถึงคุณ แล้วคุณจะตอบผมว่ายังไงละ?”

“ผมก็จะตอบคุณเหมือนกันว่า ผมคิดถึงคุณมากๆเลย”

บาร์ดหัวเราะกับคำตอบก่อนปรับเสียงให้ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย “ดูเหมือนคุณเจอศึกหนักคืนนี้นะ เลโกลัสเป็นยังไงบ้าง”

เสียงถอนหายใจยาวๆดังมาจากฝั่งของธรันดูอิล “ตอนนี้หลับไปแล้ว แต่ก่อนหน้านี้คือทั้งขู่ทั้งปลอบยังไงก็ไม่ยอมนอนจริงๆทำเอาผมหมดแรงเลย”

“เขาไม่สบายหรือ?” คิ้วของคนฟังเลิกขึ้น

“เปล่าหรอก เขาตั้งใจจะเขียนนิทานส่งประกวดเลยไม่ยอมนอนสักที”

“แล้วคุณเลยต้องไปช่วยเขาเขียนอย่างนั้นหรือ?” บาร์ดอมยิ้มน้อยๆนึกภาพของชายผมทองที่กำลังหัวหมุนกับเด็กน้อย คงจะน่ารักไม่น้อย

“ปีที่แล้วเลโกลัสได้รับเสนอชื่อนักเขียนนิทานตัวน้อยดีเด่นในโรงเรียนแต่ไม่ชนะรางวัล ปีนี้เขาเลยมุ่งมั่นอยากชนะให้ได้เท่านั้นละ” เสียงปลายสายหัวเราะน้อยๆ

“เป็นหนุ่มน้อยที่มุ่งมั่นดีจริงๆนะ” บาร์ดอดชื่นชมไม่ได้ ให้หวนคิดถึงตอนที่เขายังเด็ก ตอนนั้นบาร์ดเองก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นแบบนี้

“แล้วปีนี้เขาอยากแต่งนิทานเกี่ยวกับอะไรส่งประกวดหรือ?”

“ถ้าผมบอกไปคุณอย่าขำนะ” ธรันดูอิลที่เป็นคนห้ามบาร์ดกลับหัวเราะเสียเอง

“คุณห้ามผมขำแต่คุณหัวเราะเอง แบบนี้เรียกขี้โกงหรือเปล่าคุณธรันดูอิล?”

“ไม่รู้เหมือนกันสิคุณบาร์ด คุณคิดว่ายังไงละ?” น้ำเสียงทุ้มยียวนตอบกลับจนคนฟังอดทำหน้าหมั่นไส้ไม่ได้

“เอ้า สรุปแล้วลูกชายคุณอยากแต่งนิทานเรื่องอะไรกันแน่?”

“เจ้าใบไม้น้อยอยากแต่งนิทานเกี่ยวกับโจรสลัด”

บาร์ดขมวดคิ้วนิดหน่อย เขาไม่คุ้นกับการที่ธรันดูอิลเรียกเลโกลัสว่าเจ้าใบไม้น้อยแต่ก็เข้าใจว่านั่นคงเป็นชื่อที่เรียกกันภายในครอบครัวเอง “นั่นเป็นหัวข้อที่น่าสนใจนะ ทำไมเขาถึงอยากเขียนเกี่ยวกับโจรสลัดละ?”

“เป็นความผิดผมเองละ ผมเปิดหนัง Pirate of the Carribbean ให้เขาดูเมื่ออาทิตย์ก่อนหลังจากนั้นเลโกลัสก็ตื่นเต้นกับทุกอย่างที่เกี่ยวกับโจรสลัดไปเลย” เสียงของธรันดูอิลดูอ่อนอกอ่อนใจแต่ก็เจือไปด้วยความเอ็นดู

“มันไม่ใช่ความผิดหรอกธรันดูอิล” บาร์ดปลอบใจเสียงปลายสาย “เด็กๆนะเต็มไปด้วยจินตนาการ ทิลด้าเองก็เคยบอกว่าอยากเป็นเจ้าหญิงในการ์ตูนดิสนีย์เลย”

“การเป็นพ่อนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆนะคุณว่าไหม” ธรันดูอิลพูดพร้อมกับหัวเราะตบท้าย

“แต่ทั้งคุณกับผมก็ทำได้ไม่เลวเลยไม่ใช่หรือไง”

“ผมเชื่อว่าคุณเป็นพ่อที่ดีบาร์ด…บางทีอาจจะดีกว่าที่ผมเป็นก็ได้”

เจ้าของชื่อนิ่งไปสักพัก “คุณก็เป็นพ่อที่ดีสำหรับเลโกลัสเหมือนที่ผมเป็นละธรันดูอิล ผมมั่นใจ เวลาคุณพูดถึงลูกชายผมรับรู้ได้ถึงความรักของคุณที่มีต่อเขานะ”

ปลายสายเงียบไปเล็กน้อยซึ่งบาร์ดก็ไม่ได้เร่งเร้าให้อีกฝั่งต้องรีบต่อบทสนทนา ธรันดูอิล

“ขอบคุณนะบาร์ด” เสียงของชายผมทองดูสดใสมากขึ้นจากตอนแรก “ว่าแต่พวกเรามัวแต่มาคุยเรื่องของผมตั้งนาน แล้ววันนี้คุณเป็นยังไงบ้าง งานโอเคไหม?”

“ที่จริงผมว่ามันไม่ค่อยโอเค แต่ผมไม่ค่อยอยากจะไปคิดถึงมันมาก ผมเลยสรุปว่าตอนนี้ผมโอเค”

จริงๆแล้วบาร์ดก็มีความอยากบ่นเรื่องที่หัวหน้างานจ้องเอาแต่จับผิดเขาในจุดเล็กๆน้อยๆแต่เขามองว่าการบ่นไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ที่สำคัญบาร์ดไม่ได้อยากให้ธรันดูอิลต้องมานั่งฟังเรื่องน่าเบื่อหน่ายแบบนี้ด้วย

“คุณทำผมขำไม่หยุดแล้วกับประโยคนั้น” เสียงทุ้มกลั้วเสียงหัวเราะดังไม่หยุด “เอาแบบนี้แล้วกัน ถ้าวันไหนคุณอยากจะบ่นคุณก็สามารถบ่นได้ไม่ต้องเกรงใจผมหรอกนะ ผมยินดีรับฟังเสมอ”

“ได้เลย” บาร์ดได้ยินเสียงเปิดประตูกับเสียงลากบางอย่างหนักๆจากปลายสายชวนให้สงสัย “เสียงดังจังคุณทำอะไรอยู่เนี่ย?”

“ผมหรอ? ผมเดินมาที่สตูดิโอทำงาน ผมยังต้องทำงานต่อ”

“แต่นี่จะเที่ยงคืนแล้วนะธรันดูอิล” บาร์ดขมวดคิ้วหลังจากพลิกตัวกลับไปมองนาฬิกา

“ผมรับงานคอมมิชชั่นไว้ ตอนแรกก็ว่ากะตารางเวลาไว้ดีแล้วแหละ แต่ผมดันเจองานด่วนแทรกเข้ามาเลยลำบากหน่อย”

“งานที่คุณบอกว่าดีลลำบากตั้งแต่เมื่อกลางวันใช่ไหม?”

“บิงโก คุณเดาได้ถูกเผงเลย” ธรันดูอิลตอบขำๆ พลางนั่งลงหน้าผืนผ้าใบที่สะอาดเอี่ยม มือข้างที่ว่างเอื้อมไปหยิบพู่กันมาถือไว้แต่ยังคงไม่ทำอะไรต่อ

“แต่นี่ก็ดึกแล้วไว้รอวาดพรุ่งนี้เช้าไม่ดีกว่าหรอ?” ปลายเสียงทุ้มเจือแววกังวลถาม

“ผมชอบทำงานตอนกลางคืนมากกว่านะ มันเงียบแล้วก็ทำให้ผมมีสมาธิมากขึ้น” คนฟังอมยิ้มน้อยๆกับกระแสเสียงห่วงใย

“แต่คุณก็ไม่ควรนอนดึกเกินไปนะ มันไม่ดีต่อสุขภาพรู้ไหม” บาร์ดยังคงเอ่ยต่อ เพราะเขาเองก็มีลูกๆวัยกำลังโตเป็นหนุ่มสาวที่ชอบนอนน้อยทำงานกลางคืนกันเป็นนิจ ชายหนุ่มผมหยักศกเลยติดนิสัยชอบไล่ลูกๆไปนอน พอได้ยิ่งว่าธรันดูอิลก็เป็นพวกชอบโต้รุ่งเลยอดบ่นเตือนไม่ได้ตามวิสัยคนเป็นพ่อ

“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคุณบาร์ดสุดหล่อ” ธรันดูอิลนั่งหัวเราะกับความขี้บ่นจุกจิกนี้ น่าแปลกที่เขายอมฟังและไม่รู้สึกรำคาญเหมือนตอนได้ยินเฟเรนมายืนบ่นไล่ให้เข้านอนเลย

“เฮ้ อย่าเอาแต่ขำนี่ผมจริงจังนะ ผมอยากให้คุณพักผ่อน”

“โอเคๆ ผมรู้แล้ว เดี๋ยวผมทำงานสักนิดแล้วจะรีบไปนอนนะครับคุณสุดเท่โบว์แมน”

“สัญญาแล้วนะว่าจะนอนเร็ว” พ่อม่ายลูกสามทำเสียงเข้มใส่

“รับทราบครับคุณผู้ชาย กระผมจะปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดแน่นอน” จิตรกรหนุ่มนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ในใจพองฟูเหมือนลูกโป่งที่อัดอากาศไว้้เต็ม

เขาชอบเวลาที่บาร์ดแสดงความเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้ ชายหนุ่มผมหยักศกแสดงออกได้อย่างซื่อตรงและจริงใจจนเขาสัมผัสได้

“ผมชอบเสียงคุณนะบาร์ด มีใครเคยบอกคุณหรือเปล่าว่าเสียงคุณเซ็กซี่มากเลย”

ชายหนุ่มผมเข้มที่กำลังกลิ้งตัวบนเตียงนอนเลิกคิ้วกับคำชมที่จู่ๆธรันดูอิลก็เอ่ยขึ้น “คุณเป็นคนแรกที่บอกผมเลย”

“ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง…ผมว่าเสียงคุณตอนร้องเพลงต้องเป็นอะไรที่ดีมากๆแน่เลย”

“ผมร้องเพลงได้นะ แต่ผมจะร้องให้คุณฟังคนเดียวเท่านั้นนะละ” เสียงทุ้มติดแหบน้อยๆหัวเราะดังลอดปลายสายมา

คนฟังพยายามเม้มปากเก็บรอยยิ้มชอบใจเอาไว้แทบไม่มิด ในสมองหมุนเร็วจี๋คิดหาทางแกล้งบาร์ด “แบบนั้นก็ได้รูปหล่อ แต่จะต้องเป็นตอนเราอยู่บนเตียงด้วยกันสองคนนะ”

“ธรันดูอิลลลล” บรรยากาศหวานๆที่บาร์ดตั้งใจจะสร้างหายวับไปในพริบตา บาร์ดกรอกตามองเพดานห้องตัวเอง

“ผมล้อเล่นๆ อย่าซีเรียสสิคุณโบว์แมน” ธรันดูอิลหัวเราะร่วนสนุกสนาน “แต่ที่ผมบอกว่าชอบเสียงคุณนี่ผมชอบจริงๆนะ แล้วก็สำเนียงคุณก็ด้วย เดาว่ามาจากเวลส์ใช่ไหม”

“ใช่ครอบครัวผมมาจากเวลส์ นี่คุณมีตาทิพย์หรือไงธรันดูอิล?” บาร์ดแอบทึ่งที่อีกฝ่ายเดาถูกต้อง

คำชมยิ่งทำให้ธรันดูอิลยิ่งอารมณ์ดี “ไม่ต้องตกใจนะคุณบาร์ด เอาเป็นว่าผมมีญาณหยั่งรู้ก็แล้วกัน”

เดาว่าถ้าธรันดูอิลอยู่ต่อหน้าเขา คนผมทองต้องขยิบตาส่งให้ด้วยท่าทางหยอกเย้าแบบตอนแรกที่เจอกันที่บาร์เป็นแน่แท้

“แล้วคุณละ ผมว่าบ้านคุณคงเป็นคนลอนดอนหรือเปล่า?”

“ผมเกิดที่ลอนดอน แต่ปู่ทวดผมน่าจะมาจากแถบนอร์เวย์หรือฟินแลนด์ประมาณนั้น” นั่นพอทำให้เข้าใจได้ว่าทำไมธรันดูอิลถึงได้มีผิวขาวผ่องกับสีผมทองที่ดูสว่างเกือบจะกลายเป็นสีเงินแบบนี้

ธรันดูอิลเริ่มลงมือร่างภาพวาดไปพลางฟังบาร์ดเล่าถึงเรื่องที่การวาดภาพนู้ดในคลาสเรียนศิลปะเบอินเล่าถึงฟังตอนทานมื้อเย็น ชายผมทองหัวเราะร่วนพร้อมกับยอมรับว่าเขาเองก็เคยผ่านคลาสเรียนแบบนี้มาก่อนเช่นกัน จิตรกรหนุ่มสารภาพหน้าตาเฉยว่าเขาเคยกระทั่งต้องไปยืนเป็นแบบให้เพื่อนๆร่วมชั้นเรียนวาดด้วยซ้ำทำเอาคนฟังอ้าปากค้าง

ทั้งสองยังคงคุยกันในเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยจนเวลาล่วงเลยจวนเจียนจะตีหนึ่งอยู่แล้ว บาร์ดเองก็รู้สึกอ่อนล้ามาก “ผมว่าผมคงต้องนอนแล้วไม่งั้นพรุ่งนี้ผมตื่นสายแน่ๆ”

“คุณนอนก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมขอเวลาทำงานอีกสักพักแล้วค่อยเข้านอน”

“คิดถึงคุณจัง พอได้ยินเสียงคุณแบบนี้ผมก็อยากเจอคุณอีกธรันดูอิล” เสียงทุ้มแหบฟังดูงัวเงียของบาร์ดฟังน่าเอ็นดู

“เรานัดเจอกันอีกก็ได้ คุณสะดวกวันไหนบ้าง?”

“เสาร์นี้คุณสะดวกไหม”

“ผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหา”

“แล้วเลโกลัสละ เขาสะดวกหรือเปล่า?”

ธรันดูอิลเงียบไป เขาคงไม่คาดคิดว่าบาร์ดจะถามถึงลูกชาย “เลโกลัสน่าจะสะดวกเหมือนกัน คุณมีอะไรหรือเปล่าบาร์ด”

“ผมแค่คิดว่าผมมีไอเดียดีๆที่อาจจะช่วยให้เลโกลัสเขียนนิทานของเขาได้” เสียงของบาร์ดดูง่วงงุนมากขึ้นเรื่อยๆ

“ถ้าแบบนั้นก็วิเศษไปเลยนะ” ชายผมทองรู้สึกโล่งใจที่บาร์ดดูยอมรับในตัวลูกชายได้ดีแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะยังไม่เคยมีโอกาสพบหน้ากัน แต่อย่างน้อยก็ถือเป็นความก้าวหน้าที่ดีอีกขั้นหนึ่ง

“ผมง่วงนอนจังเลยธรัน” เสียงแหบอ้อนน้อยๆ

“ง่วงก็หลับซะนะ ผมจะอยู่จนกว่าคุณจะหลับ”

“อือ” หลังจากคำตอบรับสั้นๆบาร์ดเงียบไปไม่ได้เอ่ยอะไรอีก ไม่ต้องสงสัยว่าเขาคงจะเพลียจัดมาก สักพักธรันดูอิลถึงได้ยินหายใจเข้าออกลึกๆจากปลายสาย ใบหน้าสะสวยอมยิ้มพลางส่ายหัวน้อยๆ

“ราตรีสวัสดิ์นะสุดหล่อบาร์ด ไว้ค่อยคุยกันใหม่นะ”

.

.

.

.

To Be Continue ~

พาร์ทนี้ตั้งใจเขียนอวยความดีงามของคูมบาร์ดค่ะ รู้สึกว่าเรายังไม่ได้อวยว่าคูมบาร์ดเป็นคุณพ่อที่ดีขนาดไหนเลยต้องขอจัดหน่อยค่ะ 😭🙏

The Hobbit – Once

Main: Bard Bowman & Thranduil

ฟิคงง ๆ ใน ดงงานที่ท่วมทับ 😂

ตอนแรกทำพลาดเองทำให้ฟิคที่พิมพ์ค้างไว้หายวับไปเลยต้องเสียเวลาพิมพ์ใหม่ค่ะ 😭

.

.

.

.

บาร์ดไม่เคยพบกับกษัตริย์พรายที่่พำนักลึกเข้าไปใจกลางป่าเมิร์ควู้ดมาก่อน

กษัตริย์พรายองค์นั้นไม่ได้เสด็จมาเยือนดินแดนตอนเหนือของอาณาจักรพระองค์เองนานนับร้อยปีแล้วนับตั้งแต่อาณาจักรใต้ขุนเขา เอเรบอร์ ถูกมังกรไฟจอมละโมภแย่งชิงไป

เมื่อยังเยาว์วัย บาร์ดเพียงเคยได้ยินลำนำของชาวเมืองทะเลสาบที่เล่าขานถึงความงามสง่าของกษัตริย์พรายธรันดูอิลครั้นเมื่อราชาพรายได้เคยมาเยือนดินแดนกลางน้ำแห่งนี้เมื่อนานมาแล้ว

วรองค์สูงเด่นสง่าเหมือนต้นพฤกษาที่เติบโตเต็มวัย

พระพักตร์กระจ่างดุจดั่งจันทราในคืนวันเพ็ญ

นัยเนตรเปรียบดั่งอัญมณีสีฟ้าเลอค่า

เกษาสีทองยาวสลวยส่องประกายแวววาวยิ่งกว่าทองคำชิ้นใดในเอสการอธ

บาร์ดนึกสงสัยทุกครั้งที่ได้ยินบทเพลงเล่าขานถึงราชาพรายของผู้เฒ่าผู้แก่ เขาสงสัยตามประสาเด็กน้อยไร้เดียงสาว่าเหล่าพรายนั้นจะงดงามได้ถึงปานนั้นเชียวหรือ

ทุกครั้งที่ถามผู้เฒ่า บาร์ดมักได้รับเสียงหัวเราะขบขันในความอ่อนเดียงสากับคำตอบที่ว่า ‘สักวันเจ้าจะเข้าใจเอง’

เมื่อเจริญวัยขึ้น บาร์ดมีโอกาสได้พบกับพรายป่าจากดินแดนแห่งพงไพร พวกเขางดงามดั่งคำพร่ำพรรณนาที่บาร์ดไปรับฟังมาไม่รู้กี่ครั้ง เหล่าพรายป่านั้นสวยงามไม่ต่างจากภาพวาดที่มีชีวิต ใบหน้าสวยงามยากจะจำแนกว่าชายหรือหญิง รูปร่างเพรียวระหงในอาภรณ์เนื้อบางละเอียดที่สีสันแทบกลบกลืนยามยืนเคียงข้างแมกไม้ เสียงหัวเราะของพวกพรายนั้นไพเราะเหมือนเสียงนกน้อยที่ขับขานรับอรุณ

หากแม้พรายป่าทั่วไปยังงดงามปานนี้ บาร์ดยิ่งนึกสงสัยว่าราชาพรายสูงส่งแห่งพนาลัยจะยิ่งงามตระการตาเพียงใด

บาร์ดมีโอกาสได้พบกับราชาพรายเมื่อครั้นเจ้าเมืองแห่งทะเลสาบปรารถนาจะเจรจาการค้าไวน์กับอาณาจักรพราย

เพื่อแสดงถึงความจริงใจ จอมพรายสูงศักดิ์ยอมเสด็จมาด้วยองค์เองตามคำเชื้อเชิญของเจ้าเมือง และนั่นเป็นครั้งแรกที่บาร์ดได้เห็นธรันดูอิล

กษัตริย์พรายทรงควบขี่กวางสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่มีเขาสวยงามแผ่รำแพนโดดเด่นแม้มองจากจุดห่างไกล

คำพรรณนาใดๆที่บาร์ดเคยได้ยินมาแต่ครั้นยังเด็กล้วนแต่ไม่อาจเทียบเคียงความงดงามของราชาพรายที่ปรากฎกายเบื้องหน้าได้เลยแม้แต่น้อย

พักตราของพรายเจ้ากระจ่างชัด เนตรคมสีฟ้าเยือกเย็นราวกับคมมีดรับกับขนงเข้มดุดันบ่งบอกถึงความรอบรู้ที่สั่งสมมายาวนาน ปลายเกศาทองพริ้วสะบัดประดุจเส้นไหมทองคำใต้สายลมอ่อน วรกายสะโอดสะองใต้อาภรณ์สีหมอกประทับยืดองค์งามสง่าบนหลังพาหนะคู่ใจคล้ายกับโอบล้อมด้วยรัศมีอ่อนจางละออตา

ช่างวิลาศวิไล ดึงดูดตาดึงดูดใจผู้ที่มีโอกาสได้พบพาน แต่ดูสูงส่งเกินกว่าเอื้อมมือของมนุษย์จะแพ้วพานได้

บาร์ดยอมรับว่าธรันดูอิลนั้นงดงามและเพริดพิลาศกว่าพรายป่าทั่วไปที่เขาเคยพบเห็น ทว่าราชาพรายนั้นก็แสนเย็นชาและเจ้าอารมณ์ไม่แพ้กัน

เสียงเล่าลือถึงความเฉียบขาดโหดร้ายของกษัตริย์พรายแห่งอาณาจักรพงไพรมีมาช้านาน มนุษย์ตนใดหาญกล้าล่วงล้ำเข้าในอาณาเขตหากไม่ถูกขับไล่ออกมาก็อาจลงเอยถูกลงทัณฑ์ขังคุก ทว่าถ้าสิ่งที่กร้ำกรายนั้นคือพวกผีร้ายก็ไม่พ้นถูกลูกศรปลิดชีพเสียสิ้น

ธรันดูอิลดูนิ่มนวลเยือกเย็นแต่กลับเหมือนมีเปลวไฟแผดเผาอยู่ใต้เปลือกน้ำแข็งนั้นตลอดเวลา บาร์ดนิยามราชาพรายว่าไม่ต่างกับกระแสน้ำเชี่ยวกราดใต้ผิวน้ำที่ราบเรียบ

กษัตริย์พรายหาใช่คนที่เขาอยากจะไปวุ่นวายด้วย

นับเป็นโชคดีที่บาร์ดไม่ใช่คนสำคัญของเมืองทะเลสาบ ทำให้เขาไม่มีสิทธิ์แม้จะเฉียดกรายเข้าไปใกล้กระโจมที่พักของเหล่าพราย เขาได้รับคำสั่งเพียงแค่ให้คอยลาดตระเวนชายป่าห่างไกลเท่านั้น

เขาแฝงกายอยู่บนต้นไม้เฝ้าจับตามองความเคลื่อนไหวบนพื้นดินอย่างเงียบงัน เหนือศีรษะของบาร์ดมีเพียงท้องฟ้าสีมืดกับดวงดาราสีเงินระยับจับตา

พลันบังเกิดความวูบไหวในความมืดกระตุ้นให้บาร์ดตื่นตัว มือหนากระชับคันธนูที่พาดศรขึ้นสายเล็งออกไป ดวงตาสอดส่องระวังวะไว สิ่งนั้นที่ขยับไหวอาจเป็นหมีหรือหมาป่าที่ออกล่าอาหารในยามค่ำคืน

ทว่าบาร์ดไม่คาดคิดว่าเขาจะได้พบราชาพรายในยามนี้ วรองค์ปราดเปรียวในอาภรณ์สีเข้มกลมกลืนกับผืนป่าเดินเท้าลัดเลาะไปอย่างเงียบเชียบ

นักธนูแห่งเอสการอธลดศรในมือลง ให้นึกสงสัยว่าเหตุใดพรายเจ้าสูงศักดิ์จึงมาท่องเที่ยวในป่าไพรเพียงลำพังยามมืดค่ำเช่นนี้

แม้ไม่อยากจะข้องเกี่ยวด้วยแต่การปล่อยให้แขกบ้านแขกเมืองเดินดุ่ม ๆ ไปในป่ายามมืดค่ำเพียงลำพังเช่นนี้คงไม่ดีแน่ บาร์ดลอบติดตามธรันดูอิลไปจนถึงขอบทะเลสาบ ราชาพรายยืนนิ่งนานแหงนมองฟากนภาที่พร่างพรายด้วยแสงสีเงินยวงละลานตา

พรายเจ้าเฝ้าชมแสงดาวแสงเดือนในความสงัด ดวงพักตร์จรัสเพ่งมองไปในฟากฟ้ามืดมิด

วรกายสูงโปร่งยืนนิ่งนาน ให้นึกใคร่รู้ว่าดาวดาราดวงไหนที่งามจับใจจนทำให้นัยนาคมปลาบคู่นั้นลุ่มหลงจนไม่อาจละตามองไปได้

“ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ตรงนั้นนักธนู ใยเจ้าเลือกที่จะเร้นกายาอยู่ใต้เงามืดเช่นนั้นเล่า?”

สุรเสียงกษัตริย์พรายช่างไพเราะ แม้มิได้กังวานใสประหนึ่งเสียงดนตรีแต่ก็ทุ้มนุ่มนวลทรงอำนาจน่าฟัง

เป็นที่แน่ชัดว่าธรันดูอิลกล่าวกับเขา บาร์ดไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขยับออกจากเงาไม้ที่แฝงกายอยู่

“มายลอร์ด ใยท่านจึงออกเพียงลำพังในยามวิกาลเช่นนี้ เหล่่าองครักษ์ของท่านจะว้าวุ่นใจเอาได้”

ขนงเข้มนั้นเลิกขึ้นราวกับประหลาดใจที่ได้ยินมนุษย์น้อยเอ่ยเตือนตนเองเช่นนั้น “แม้อยากจะชมเพียงแค่แสงดารายามราตรี ข้ายังจำเป็นต้องมีผู้ติดตามด้วยหรือนักธนู?”

“หามิได้ ฝ่าพระบาท หากท่านอยากชมเดือนชมดาราข้าย่อมไม่อาจขัดท่านได้ แต่อย่างน้อยท่านควรพาผู้ติดตามมาด้วย” บาร์ดส่ายหน้าพลางแถลงไข

“มากคนก็มากความ แห่แหนกันมาเช่นนั้นจะหาความสงบได้เช่นไร” ธรันดูอิลเอ่ยราวกับตัดรำคาญ

“แต่มายลอร์ด ท่านไม่ควรออกเพียงลำพัง ทรงเห็นใจผู้ติดตามของท่านบ้างเถิด”

พระพักตร์สวยนั้นดูขุ่นเคืองราวไม่ชินกับการถูกคนขัดใจ ดวงตาคมกริบคู่นั้นหันกลับจ้องมองใบหน้าของมนุษย์ไม่วางตา บาร์ดคิดว่าวาจาเขาคงทำให้ราชาพรายพิโรธเสียแล้ว ทว่าธรันดูอิลกลับยังเอื้อนโอษฐ์ถาม

“เจ้ามีนามว่ากระไรนักธนู”

“…ข้ามีนามว่าบาร์ด”

“เจ้าเป็นคนของเอสการอธเช่นนั้นหรือ?”

“นับแต่กระหม่อมจำความได้บ้านของกระหม่อมก็คือเมืองทะเลสาบ”

“เช่นนั้นเจ้ามีครอบครัวหรือไม่ บาร์ด?”

“กระหม่อมอยู่กับภรรยา พวกเรามีบุตรชายอละบุตรสาวอย่างหนึ่งคน”

บาร์ดตอบคำถามด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยพบพรายป่าตนใดที่จะใส่ใจเรื่องราวของมนุษย์ทั่วไปขนาดนี้

ธรันดูอิลยิ้มนิด ๆ เมื่อได้ฟังคำตอบจากนักธนู

“ข้าเชื่อว่าพวกเขาคงจะต้องงดงามมากแน่แท้”

“เทียบกับพวกพรายแล้ว ความงามของมนุษย์เช่นเราอาจต้อยต่ำนัก แต่สำหรับกระหม่อม พวกเขาคือสิ่งที่งดงามที่สุด”

ราชาพรายเลิกคิ้วเล็กน้อย ใบหน้างดงามมีสีหน้าพึงพอใจ เนตรฟ้าสว่างเพ่งพินิจใบหน้าของนักธนูเบื้องหน้านิ่งนานก่อนตรัสถามในสิ่งที่บาร์ดไม่คาดคิด

“เจ้าคือเชื้อสายของคิริออน อดีตเจ้านครแห่งเดลสินะ”

บาร์ดเลิกคิ้ว ไม่มีผู้ใดเอ่ยนามบรรพบุรุษของบาร์ดมานานมาแล้ว ทุกสิ่งล้วนแต่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาที่ผันผ่านไป บ้างก็ได้รับการยกย่อง บ้างก็ถูกชิงชัง

นักธนูแห่งเมืองทะเลสาบไม่ประหลาดใจเท่าใดที่ราชาพรายธรันดูอิลจะรู้จักต้นสกุลของเขา พรายนั้นปราดเปรื่องและเป็นอมตะ ย่อมต้องเคยพบพานคิริออนแห่งเดลเมื่อนานมาแล้ว

ทว่าบรรพบุรุษของเขาพลาดที่ไม่อาจโค่นมังกรไฟจากแดนเหนือที่บินเผาผลาญเมืองเดลได้แม้จักยืนหยัดต่อกรอย่างห้าวหาญ นามของเขากลายเป็นตราบาปและสาปแช่ง มิมีผู้ใดใคร่จะเอื้อนเอ่ยถึง

“เกล้ากระหม่อมมิทราบว่าฝ่าพระบาทประสงค์จะเอ่ยถึงสิ่งใด” บาร์ดไม่กล้าสบตางามนั้น มนุษย์เพียงแค่เสตาไปมองเงาสะท้อนฟากฟ้าบนพื้นน้ำ

รอยยิ้มหยันกระตุกขึ้นที่มุมปากหยักสวย ดวงตาวาววับใต้แสงดาวราตรีบ่งบอกถึงความรู้ทันวาจาโป้ปดของนักธนูเช่นนั้น ทว่าราชาพรายกลับไม่ได้เอ่ยวาจาใดรุกเร้าต่อ

หนึ่งพราย หนึ่งมนุษย์ ไม่ได้พาทีอะไรต่อต่างฝ่ายต่างจมดิ่งในความคิดของตนเอง ดวงตาต่างสีแหงนมองผืนฟ้าสีมืดนิ่งนาน

“ข้าเองก็มีลูกชายคนหนึ่งเช่นกัน” จู่ๆราชาพรายก็เอ่ยขึ้น “ข้าเข้าใจที่เจ้าเอ่ยว่าลูกๆคือสิ่งที่สวยงามที่สุดของเจ้า เพราะเลโกลัสก็สิ่งที่งดงามที่สุดของข้าเช่นกัน”

“แล้วองค์ราชินีเล่าฝ่าพระบาท พระนางมิได้สิ่งที่สิริโฉมงดงามที่สุดในใต้หล้าหรอกหรือ?”

“นางเคยเป็นพรายที่งามที่สุด”

บาร์ดนิ่งกับคำตอบไป “กระหม่อมขออภัย”

“เรื่องมันนานมากแล้ว ข้ามีเพียงแค่บุตรชายนั่นก็มิได้เลวร้ายมิใช่หรือนักธนู” ธรันดูอิลเอ่ยราวกับไม่ใส่ ทว่าพรายเจ้ากลับไม่กล้าสบตากับมนุษย์ยามที่เอ่ยถึงนาง บาร์ดไม่ต้องการซักไซ้ไล่เรียงเรื่องนี้ต่อ

“กระหม่อมหวังว่าบุตรชายของฝ่าพระบาทจะไม่ซุกซนเฉกเช่นเบอินน้อย” บาร์ดส่ายหัวระอาใจเมื่อคิดถึงบุตรชายคนโตของตนเอง เด็กน้อยอยู่ในวัยอยากรู้ลองเห็นและมากด้วยพละกำลังจนทำเอาบิดามารดาปวดเศียรเวียนเกล้า

“ตรงกันข้ามบุตรชายของข้านั้นเลยวัยซุกซนไปนานแล้ว ทว่าเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยกระตือรือร้นและความมุทะลุมากกว่าที่ควรเป็น”

กระแสเสียงนั้นกึ่งจะเหนื่อยหน่ายแต่ฟังแล้วรับรู้ถึงความรักใคร่เอ็นดู ราชาพรายน่าจะรักบุตรชายมากแน่ ๆ

“กระหม่อมคาดว่าเจ้าชายน้อยน่าจะทรงละม้ายกับฝ่าพระบาทเป็นแน่แท้”

“ในแง่ใดเล่า ความเฉลียวฉลาดหรือความห้าวหาญ?”

“อาจจะเป็นความงามในรูปแบบของพรายของท่านก็เป็นได้ มายลอร์ด”

บาร์ดชะงักไปเล็กน้อยเพื่อรอดูปฏิกิริยาของกษัตริย์พราย ทว่าธรันดูอิลกลับมิได้มีท่าทีขุ่นเคืองใจแต่อย่างใดสร้างความโล่งใจยิ่งนักให้แก่นักธนู

ทั้งสองไม่ได้สนทนากันต่ออีก ต่างฝ่ายต่างยืนมองท้องฟ้าจมดิ่งความคิดของตนเองลงในห้วงภวังค์ไกลโพ้น ชมความงามของแสงดาวระยับจับตา

บาร์ดแอบชำเลืองมองพรายเจ้าเป็นระยะ เช่นเดียวกับธรันดูอิลที่แอบเหลือบมองนักธนูเป็นครั้งคราว แม้ทั้งสองจะไม่เอ่ยวาจาใด ๆ ต่อกัน แต่การยืนในความสงัดนั้นก็ไม่น่าอึดอัดเท่าไร

จนอีกไม่นานรุ่งอรุณกำลังจะมาเยือนบาร์ดรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่กำลังจะมาเยือนและขับไล่ความหนาวเหน็บของค่ำคืนไป

“มายลอร์ด อีกไม่นานจะย่ำรุ่งท่านควรกลับไปพักผ่อน”

ธรันดูอิลเหลือบมามองนักธนู โอษฐ์หยักงามขยับยิ้มบาง วรกายสูงสง่าหมุนกายเดินนำมนุษย์ย้อนกลับไปตามทางที่จากมาบ่ายหน้ากลับไปยังที่พัก

บาร์ดสาวเท้าเดินตามพรายที่ล่วงหน้าไป เขาตื่นตะลึงกับฝีเท้าของราชาพรายที่ทั้งเบาและเงียบเชียบไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้บนพื้นทรายริมทะเลสาบ

กษัตริย์พรายหยุดฝีเท้าลงพลางเหลียวหลังกลับมาชำเลืองมองนักธนูแห่งเอสการอสด้านหลัง

“ข้าเชื่อว่าเจ้าคงมีหลายปากท้องที่บ้านให้ต้องเลี้ยงดูเป็นแน่แท้” สุรเสียงกังวานเกริ่นนำ ขนงเข้มเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย “เจ้าแลเป็นคนมีฝีมือไม่เบานักธนู สนใจอยากจะทำงานให้ข้าไหมเล่า?”

บาร์ดยืนกอดคันธนูรับฟังข้อเสนอด้วยรอยยิ้มขบขัน “ฝ่าพระบาททรงหมายถึงงานประเภทใดกัน”

“ข้าตกลงซื้อไวน์จากเมืองของเจ้า แต่ข้ายังหาผู้ที่รับผิดชอบขนถังเปล่ากลับมาส่งคืนไม่ได้ หากเจ้าสนใจงานน่าเบื่อหน่ายนี้ข้าจะมอบหมายตำแหน่งให้โดยเฉพาะ”

บาร์ดเลิกคิ้วประหลาดใจกับข้อเสนอนี้ เขาปรารถนาที่จะได้ออกไปนอกเมืองทะเลสาบมานาน เขาจะสามารถรับงานเล็ก ๆ น้อย ๆ สร้างรายได้เพิ่มเติมได้โดยปราศจากสายตาสอดรู้สอดเห็นของสายลับที่ถูกจัดวางไว้อย่างรอบคอยทั่วทั้งเมือง

การได้ออกจากเมืองมาเพื่อเก็บรวบรวมถังไวน์ที่ถูกส่งคืนมาจากอาณาจักรพรายป่านับเป็นโอกาสเหมาะอันดี

“กระหม่อมมีทางเลือกอื่นอีกหรือไม่?” บาร์ดลองหยั่งเชิง

“ข้าคิดว่าไม่น่ามี”

“เช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้ หากเป็นประสงค์ของกษัตริย์ธรันดูอิลกระหม่อมก็ไม่อาจปฏิเสธได้”

กษัตริย์พรายชำเลืองมองหน้านักธนูด้วยความหมั่นไส้ เจ้ามนุษย์ปากกล้าคนนี้ไม่ยอมตอบคำถามของธรันดูอิลตรงๆสักครั้ง ปรกติแล้วราชาพรายมิใคร่ชอบมนุษย์ที่มีวาจาเล่นลิ้นเช่นนี้ หากยังอยู่ในราชวังบาร์ดอาจถูกสั่งขังคุกไปแล้วก็เป็นได้ แต่ยามนี้ธรันดูอิลยังอารมณ์ดีมากพอจะไม่ลงโทษมนุษย์น้อยผู้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนี้

“ข้าหวังว่าเจ้าจะทำงานของเจ้าได้ดีถึงสักครึ่งหนึ่งของความปากกล้าที่มีนี้นะ บาร์ด โบว์แมน อย่าทำให้ข้าต้องผิดหวังละ”

ร่างสูงสง่าเอ่ยก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังที่พัก

เช้ารุ่งขึ้นวันถัดหน้า เหล่าพรายต่างเดินทางกลับไปแล้ว หน้าประตูบ้านของบาร์ดถูกเคาะเรียกให้เปิดด้วยหัวหน้าองครักษ์ของเจ้าเมืองทะเลสาบ เขามาพร้อมหนังสือแต่งตั้งจากเจ้าเมืองให้ผู้รับผิดชอบถังไวน์ส่งกลับจากอาณาจักรพราย

.

.

.

.

บาร์ดลูบถังไม้โอ๊คเนื้อแข็งที่ถลอกปอกเปิดเพราะการขนส่งกลับมาทางสายน้ำ ถังนั้นเปียกชื้นและว่างเปล่า วางเรียงรายเป็นทิวแถวบนเรือของเขาพร้อมสำหรับการเดินทางกลับเข้าเอสการอธ

ทุกครั้งที่บาร์ดลำเลียงถังไวน์ว่างเปล่านี้กลับเมืองทะเลสาบ นักธนูก็อดคิดถึงพรายเจ้าที่เป็นผู้มอบหมายงานน่าเบื่อนี้ให้เขามิได้ มนุษย์ได้แต่จินตนาการว่ายามราชาพรายลิ้มลองเมรัยเลิศรสพวกนี้ พรายเจ้าจะงามสง่าเพียงใด

ปานฉะนี้จอมพรายเจ้าอารมณ์นั้นจะเป็นเช่นไรบ้างแล้ว?

แล้วโอรสที่เคยเล่าถึงนั้นจะเติบใหญ่เข้าสู่วัยฉกรรจ์แล้วหรือยัง?

น่าประหลาดแท้ที่บาร์เฝ้าคำนึงถึงกษัตริย์พรายตลอดแม้ทั้งคู่จะได้พบกันเพียงสั้น ๆ ธรันดูอิลที่บาร์ดได้พบในคืนนั้นช่างแตกต่างจากคำเล่าลือใด ๆ ที่เคยได้ยินมาสิ้นเชิง ยังความสงสัยให้ผุดพรายในใจอยากรู้จักตัวตนของพรายเจ้า

บาร์ดรู้ดีว่าเขาอาจมิมีโอกาสพบพานกับราชาธรันดูอิลอีก ช่วงเวลาของพรายนั้นเป็นนิจนิรันดร์ ทว่าชีวิตมนุษย์นั้นสั้นเพียงพริบตา

….แต่ถ้าหากมีโอกาสได้พบกันอีกสักครั้ง มันก็คงจะดีไม่น้อย!

.

.

.

.

Novelber 2018 – Midnight Blue 4

Checklist: 5th – Attach / 14th – Optical wipe / 28th – Lucky

Paring: Bard Bowman x Thranduil (Barduil)

Genre: AU / Out of main plot / Romance (?)

Previously: [ 1 ] [ 2 ] [ 3 ]

หายไปนาน แต่เนื้อเรื่องก็ไม่ได้ไปถึงไหนเลยค่ะไหนเลยค่ะ แถมมาแบบสั้นกุดสุดฤทธิ์ 😂😂

=====

“ทำไมคุณถึงอยากคุยกับผม?”

เป็นคำถามที่ธรันดูอิลเองก็ตอบตัวเองไม่ได้ตั้งแต่วันที่เขาพบกับบาร์ดจนถึงตอนนี้

บางอย่างในตัวบาร์ดที่ดึงดูดเขาจนยากจะละสายตาตั้งแต่ตอนที่ ‘เห็น’ บาร์ดในบาร์ครั้งแรก

ชายหนุ่มหน้าคมเข้มในเสื้อเชิ้ตสีหมองกับสูทสีซีดบ่งบอกอายุการใช้งานมัน สีหน้าหงุดหงิดหัวเสียตั้งแต่เดินเข้ามานั่งสั่งวิสกี้ดื่มแบบไม่สนใจโลก

น่าประหลาดแท้ที่ตลอดทั้งคืนนั้นทั้งเขาและบาร์ดมองเห็นกันและกันแต่บาร์ดกลับไม่มีทีท่าใดๆคืนกลับให้เขาเลย ผิดวิสัยคนทั่วไปที่ชายหนุ่มเคยได้พบ

ธรันดูอิลไม่ได้หลงตัวเอง แต่เขารู้ตัวดีว่ามีความแตกต่างกว่าคนอื่นตั้งแต่ยังเด็ก เขาคุ้นชินกับการถูกไล่จีบ รุกเร้า จากคนที่ต้องการเขาไม่จะชายหรือหญิง

แต่ดูเหมือนมนต์เสน่ห์แบบนั้นจะใช้การกับบาร์ดไม่ได้!

เมื่อเห็นชายหนุ่มผมหยักศกดื่มหมดและลุกขึ้นจากเก้าอี้ ธรันดูอิลทนไม่ได้ที่จะต้องลาจากผู้ชายคนนั้นโดยไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ

อาจเพราะเครื่องดื่มมึนเมาที่ดื่มไปทำให้เขาใจกล้า จรดปากกาเขียนเบอร์ตัวเองใส่กระดาษเอาให้อีกฝ่ายพร้อมทั้งฝากรอยจูบบนแก้มไว้เป็นที่ระลึก

จิตรกรหนุ่มไม่คาดคิดว่าบาร์ดจะติดต่อกลับมา เขาค่อนข้างแปลกใจระคนตื่นเต้นตอนที่ได้รับข้อความจากคนที่ไม่คาดคิดอย่างบาร์ด

การได้ทานอาหารค่ำกับชายหนุ่มในวันนี้นับว่าเกินกว่าที่ธรันดูอิลคาดไว้พอสมควร

ธรันดูอิลเปิดประตูบ้านเข้าไป ภายในเงียบสงบและมืดสลัว เลโกลัสน่าเข้านอนไปนานแล้ว คนเป็นพ่อแอบแง้มเปิดประตูดูลูกชายที่กำลังหลับก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนตัวเอง

ร่างสูงทิ้งตัวเองแผ่เหนือเตียงนอนนุ่ม ครุ่นคิดอะไรบางอย่างในหัวก่อนจะเอื้อมมือมาควานหาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู คนตัวสูงมองดูรายชื่อล่าสุดที่เขาส่งข้อความไปหาพลางคิดถึงใบหน้าคมคายของชายหนุ่มผมหนักศกสีเข้ม

มองชื่อแล้วก็พลันคิดถึงเจ้าของชื่อที่เดินเป๋ไปเป๋มาน่าขบขันตอนที่ร่ำลากัน…ไม่รู้ว่าปานนี้บาร์ดจะเดินทางกลับถึงบ้านหรือยัง?

ไม่ทันคิดจบโทรศัพท์สีดำหรูหราในมือของธรันดูอิลก็สั่นแรง หน้าจอกะพริบสว่างแสดงให้เห็นชื่อของคนที่โทรเข้า

‘บาร์ด’

ด้วยความตกใจชายหนุ่มผมทองทำเครื่องมือสื่อสารหลุดมือตกลงมากระแทกกับสันจมูกตัวเองอย่างจัง

ธรันดูอิลร้องเบาๆด้วยความเจ็บ มือซ้ายจับดั้งจมูกตัวเองป้อยๆ อีกมือก็รีบควานหาอุปกรณ์สื่อสารที่ยังคงสั่นครืดคราดไม่หยุด

“ไฮ ว่ายังไงคุณสุดหล่อโบว์แมน” ธรันดูอิลกดรับสายโดยที่ยังไม่เลิกกดคลึงดั้งจมูกที่เจ็บ

“เฮ้ นี่ผมเองนะ” เสียงของบาร์ดจากปลายสายฟังต่างจากตอนที่คุยปรกตินิดหน่อย แต่ก็ยังคงแหบเซ็กซี่ดีในความคิดของเขา “ผมถึงบ้านเรียบร้อย แล้วคุณละธรันดูอิล?”

“ผมถึงบ้านแล้วเหมือนกัน กำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงเลย”

เสียงบาร์ดหัวเราะน้อยๆดังมาจากโทรศัพท์ “ฮาฮ่า ว่าแต่ทำไมเสียงคุณฟังดูอู้อี้จัง โอเคหรือเปล่า?”

“ผมทำโทรศัพท์ตกใส่หน้าตัวเองนะสิ นี่ยังเจ็บอยู่เลย”

ธรันดูอิลได้ยินบาร์ดยิ่งหัวเราะหนักขึ้นก็ยิ่งหน้าหงิก “เฮ้ นี่ไม่ตลกเลยนะ ที่ผมทำมือถือร่วงใส่หน้าตัวเองเพราะคุณโทรเข้ามานั่นแหละ”

“โทษทีๆ ผมไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะคุณนะธรันดูอิล” ใช้เวลาสักพักบาร์ดดูจะเริ่มสงบตัวเองลงได้และเริ่มกลับมาถามไถ่เป็นห่วง

“แล้วตอนนี้คุณหายเจ็บหรือยัง มีเลือดออกหรือเปล่า ต้องประคบเย็นไหม?” บาร์ดถามแยะไปหมด คงเพราะตัวเองก็เป็นพ่อคนด้วย น่าจะชินกับการจัดการเวลาลูกๆบาดเจ็บ

“ผมไม่เป็นไร แต่พรุ่งนี้มันคงมีรอยแดงขึ้นบนหน้า” คนผมยาวเอ่ยโดยที่ยังไม่หยุดคลึงดั้งจมูกโด่งรั้นของตัวเอง

“ไม่คิดว่าคุณจะมีมุมนี้เลยนะธรันดูอิล” เสียงหัวเราะในลำคอดังมาจากปลายสาย

มือเรียวที่กำลังแตะดั้งจมูกชะงักไป “ทำไมหรือ ผมเป็นยังไง?”

“ปรกติคุณดูสมบูรณ์แบบมาก ดูสวยงามจนเหมือนไม่ใช่มนุษย์เลย ผมนึกเวลาคุณซุ่มซ่ามไม่ออกเลย”

ธรันดูอิลอดยิ้มกับคำชมแบบนั้นไม่ได้ คนผมยาวผุดลุกขึ้นมานั่งบนเตียงนอนตัวเอง “แต่ผมก็เป็นคนทั่วไปแบบคุณละบาร์ด จริงๆผมเป็นคนซุ่มซ่ามกว่าที่คุณคิดนะ”

“ฮาฮ่า ผมจินตนาการภาพไม่จริงๆ” เสียงหัวเราะแบบนั้นของบาร์ดฟังดูเซ็กซี่มาก “ยังไงก็ขอโทษด้วย ไม่คิดว่าแค่เพราะผมโทรเข้าจะทำให้คุณตกใจ”

“ผมตกใจเพราะเห็นเป็นเบอร์คุณ บาร์ด”

ปลายสายนิ่งไปเล็กน้อย “ทำไมเป็นผมถึงได้ตกใจ?”

“ผมไม่คิดว่าคุณจะโทรหาจริงๆ ผมเซอร์ไพรส์นิดหน่อย” ชายหนุ่มผมยาวยิ้มนิดๆพลางพันนิ้วเล่นกับปลายผมนุ่มของตัวเอง

“ผมบอกคุณว่าผมจะโทรหา ผมก็ต้องรักษาสัญญาสิ”

“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” คำตอบคนที่โทรมาหาทำให้ชายผมทองแอบยิ้มกับตัวเองนิดๆ “นี่ก็ดึกแล้วคุณควรไปพักผ่อนได้แล้วนะ”

“คุณด้วยธรันดูอิล”

“งั้นก็ราตรีสวัสดิ์ ไว้คุยกันนะสุดหล่อบาร์ด”

“แน่นอน ฝันดีสุดเท่ธรันดูอิล”

ปลายสายตัดไปแล้ว ร่างสูงทิ้งตัวเองแผ่เหนือเตียงนอนนุ่มอีกรอบ เรียวปากนุ่มสีอ่อนยังคงยิ้มกว้าง รู้สึกในช่องอกพองฟูเหมือนมีบอลลูนอัดลมเต็ม ธรันดูอิลนอนคิดอะไรบางอย่างในหัวก่อนจะเอื้อมมือมาควานหาโทรศัพท์มือถือที่เขาวางไว้ข้างตัวไปกดโทรออก

เสียงสัญญาณเชื่อมต่อดังอยู่สักพักก่อนที่ปลายสายจะกดรับ เสียงผู้หญิงสดใสเอ่ยทักทายเขาแต่ออกแนวกระซิบกระซาบ

“ไฮ ธรัน ว่าไงสุดหล่อ มีอะไรให้ฉันรับใช้”

“เลิกเรียกฉันแบบนั้นสักทีเถอะหน่าทอเรียล” คนนอนแผ่กรอกตามองเพดานห้องหน่ายๆ

เสียงทอเรียลหัวเราะคิกคักเบาๆดังลอดปลายสายมา “รู้แล้วๆ ไม่เรียกแล้ว ว่าแต่โทรมามีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?”

“เพื่อนกันโทรหากันต้องมีธุระด้วยหรอทอเรียล” หนุ่มผมทองแสร้งทำเสียงเหมือนน้อยอกน้อยใจ

“อย่ามาทำเฉไฉเลย ฉันคบกับนายมานานพอจะอ่านนายได้ทะลุปรุโปร่งแล้วธรัน” ทอเรียลหัวเราะน้อยๆชอบใจ

อีกฝ่ายไม่คุยเกินความจริง ธรันดูอิลรู้จักกับทอเรียลมาตั้งแต่สมัยไฮสคูลก่อนที่ทั้งสองจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยด้านศิลปะด้วยกัน จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของทั้งคู่อาจจะฟังดูแปลกมาก เพราะมันเริ่มจากการที่ทอเรียลขอยืมผ้าเช็ดแว่นของธรันดูอิล

สมัยก่อนคอนแทคเลนส์ยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลาย เหล่าผู้มีปัญหาทางสายตาต่างก็ต้องใช้แว่นตาเป็นอุปกรณ์ในการช่วยให้ทัศนวิสัยชัดเจนขึ้นเป็นหลัก เมื่อก่อนทอเรียลเป็นคนที่สายตาสั้นมาเธอต้องสวมแว่นตลอด แต่เช้าวันนั้นทอเรียลรีบร้อนออกบ้านไปหน่อย เธอคว้าแต่แว่นตาสวมมาโดยไม่ทำความสะอาดมัน เลนส์ที่ขะมุกขะมัวนั้นน่ารำคาญและบดบังการมองเห็น เด็กสาวเลยตัดสินใจถามเด็กหนุ่มผมสีทองซีดที่นั่งใกล้ๆว่าเขามีผ้าเช็ดแว่นให้เธอยืมไหมเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายก็สวมแว่นตาเหมือนกัน

ธรันดูอิลยอมรับว่าตอนนั้นเขารู้สึกประหลาดใจที่จู่ๆเด็กสาวผมแดงจัดคนนี้เดินมาเอ่ยปากขอยืมผ้าเช็ดแว่นแต่ก็ให้ยืมโดยดี หลังจากนั้นทั้งสองก็มีโอกาสได้คุยกันมากขึ้นและสนิทสนมกัน

ทอเรียลเป็นคนที่ร่าเริง จิตใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น ทำให้เธอเป็นคนมีเพื่อนแยะ ตรงข้ามกับธรันดูอิลที่ชอบเก็บตัวเงียบจนหลายคนแอบกระซิบกระซาบลับหลังว่าเขาเป็นคนหยิ่งจองหอง ไม่น่าคบหาด้วย

สำหรับธรันดูอิลแล้วการได้คบกับทอเรียลนับเป็นเรื่องโชคดีอย่างหนึ่งในชีวิตของเขาก็ว่าได้

“แหม ฉันก็แค่คิดถึงไอเดนในฐานะพ่อทูนหัวของเขาไม่ได้หรือไง” ไอเดนคือลูกชายของทอเรียลที่เพิ่งเกิดได้ไม่นาน เพราะสนิทสนมกันมานานหญิงสาวได้มาขอให้เขาช่วยเป็นพ่อทูนหัวให้ตอนที่เด็กน้อยถึงเวลาได้รับศีลจุ่มที่โบสถ์ แน่นอนธัรนดูอิลไม่ปฏิเสธ เขาทั้งรักและเอ็นดูเจ้าหนูไอเดนเหมือนกับที่เขารักเจ้าใบไม้น้อยเลย ส่วนเลโกลัสเองก็รับทราบดีว่าเขากำลังจะมีน้อยชายที่น่ารักคนหนึ่ง

“จ้า จ้า ไอเดนกำลังจะหลับอยู่ อยากมาช่วยฉันกล่อมไอเดนไหมละคุณกรีนลีฟ”

ธรันดูอิลคิดภาพออกเลยว่าตอนนี้ทอเรียลน่าจะคุยกับเขาไปด้วยพลางอุ้มเด็กน้อยไอเดนเห่กล่อมให้เจ้าตัวน้อยนอนหลับ ให้หวนคิดถึงตอนเจ้าใบไม้น้อยของเขาเองยังเล็ก ธรันดูอิลเองก็มีปัญหากับการกล่อมเลโกลัสให้เข้านอน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ชายหนุ่มยอมรับว่าเขาเหนื่อยและทรุดโทรมมากกับการดูแลเด็กเล็กๆ ยังดีที่เขายังมีเฟเรนคอยช่วยเหลือเป็นครั้งคราวบ้าง

“ไม่เป็นไร ขอบคุณ ฉันยกหน้าที่กล่อมไอเดนให้เธอแล้วกัน” ธรันดูอิลหัวเราะ “แล้วคิลีละ วันนี้ไม่อยู่บ้านหรือ?”

“คิลิบินไปบิสิเนสทริปที่ปารีสกับฟิลี กว่าจะกลับก็อาทิตย์หน้าเลยละ” หญิงสาวปลายสายพูดพลางนึกขำเมื่อคิดถึงสีหน้าละห้อยของสามีตอนที่ไปส่งที่สนามบิน คิลีติดไอเดนมากและไม่อยากจากทั้งเธอและลูกชายไปไหนไกลๆ แต่เพราะงานประชุมจัดที่ฝรั่งเศสอีกฝ่ายเลยไม่มีทางเลือกต้องยอมแพ็คกระเป๋าด้วยความเหงาหงอย

ทอเรียลกับคิลีเป็นคู่รักที่น่ารักมากแม้ว่าตอนแรกนั้นความรักของทั้งคู่จะไม่ค่อยมีคนสนับสนุนเท่าไรรวมถึงตัวธรันดูอิลด้วย คิลีเป็นชายหนุ่มที่เตี้ยกว่าทอเรียล แต่กระฉับกระเฉง สดใส ดูมีพลังตลอดเวลา เขาเป็นหนึ่งในหลานชายของตระกูลโอเคนชีลด์ หนึ่งในลูกค้างานศิลปะของธรันดูอิลที่ชายหนุ่มไม่ค่อยอยากจะเสวนาด้วยเท่าไรเพราะขึ้นชื่อเรื่องความเรื่องแยะ ชอบสั่งให้แก้งานตลอด อีกทั้งเช็คค่าจ้างก็มักจะมาสายกว่ากำหนดเสมอ

คิลีไม่อยากชอบธุรกิจด้านอัญมณีที่เป็นงานของครอบครัวเท่าไร เขามีความสนใจงานด้านศิลป์มากกว่าและอยากแยกตัวออกมาเปิดบริษัทด้านดนตรีและเอนเตอร์เมนต์ของตัวเอง ตอนที่คิลีพยายามจีบทอเรียลใหม่ๆบริษัทเพลงของเขายังไม่เป็นรูปร่างดีเท่าไรพลอยทำให้ธรันดูอิลไม่อยากให้เพื่อนสนิทตัวเองไปร่วมหัวจมท้ายกับความไม่แน่นอนนั้นด้วย

แต่ทอเรียลกลับเชื่อมั่นในตัวคิลีมาก เธอพร้อมช่วยเหลือและซัพพอร์ตในทุกๆด้านที่คนรักเธอลงมือทำ สุดท้ายชายหนุ่มตัวเล็กนั้นก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเขามีความสามารถจริงๆ เขาทำให้บริษัทที่เหมือนจะร่อแร่ในตอนแรกเติบโตขึ้นในตลาดที่มีการแข็งขันสูงได้สำเร็จ ก่อนที่คิลีจะคุกเข่าขอทอเรียลแต่งงานตอนพวกเขาไปเที่ยวกันที่สวิสเซอร์แลนด์ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก

“เธอนี่โชคดีจริงๆเลยนะ ได้รักและได้อยู่กับคนที่เธอรักจริงๆ”

“เราทุกคนก็รักนายนะธรัน” ทอเรียลเอ่ยด้วยเสียงที่เคร่งขรึมขึ้น “นายมีทั้งฉัน ทั้งเฟเรน และเลโกลัสที่รักนายนะ”

ธรันดูอิลนิ่งกับคำพูดของเพื่อนสาวคนสนิทก่อนตัดสินใจเอ่ยปากถึงประเด็นที่ทำให้เขาโทรหาเธอ “ทอเรียล ฉันเจอคนคนหนึ่ง”

“เป็นคนแบบไหนหรือธรัน? ซกมกแบบคิลีหรือเปล่า ถ้าแบบนั้นนายอาจจะลำบากหน่อยนะ อย่างคิลีคือไม่ชอบอาบน้ำตอนเช้า” หญิงสาวเอ่ยติดตลก

“ไม่รู้สิ แต่เขาก็ดูรักสะอาดดีนะ อาจจะไม่เท่าฉันแต่ก็ไม่น่าแย่ขนาดนั้น”

“อย่างนายไม่เรียกรักสะอาดธรัน นายมันพวกคลั่งความสะอาดต่างหาก” ทอเรียลย่นจมูกพูด คิดถึงสมัยก่อนที่เธอไปขอค้างบ้านของธรันดูอิล อีกฝ่ายเป็นพวกรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบสุดโต่ง ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรออกมาจะต้องถูกจัดเก็บเข้าที่ทางตามเดิมเสมอ จุดไหนที่สกปรกเลอะเทอะธรันดูอิลจะไม่ชอบ ชายหนุ่มผมทองจะรีบร้อนเก็บกวาดจนกว่าบริเวณนั้นจะเอี่ยมอ่องอีกครั้ง

ธรันดูอิลกลับมาพูดด้วยเสียงจริงจัง “เขาเป็นผู้ชายที่เรียบง่าย ไม่โดดเด่นอะไร แต่ดูจริงจัง และก็เขามีลูกแล้วด้วย”

“ว้าว! แล้วพวกนายไปเจอกันที่ไหนเนี่ย?”

“บาร์ ฉันให้เบอร์เขาไป ไม่รู้สิแค่เห็นตอนที่เขาจะลุกหายไปฉันก็แค่รู้สึกทนไม่ได้จนต้องเดินไปหาเขา”

“นายคิดว่านายชอบเขาหรือยังไงธรัน?”

“ฉันไม่แน่ใจอะไรเลยทอเรียล เวลาได้คุยกับเขาฉันก็มีความสุขดี เหมือนฉันได้เจอโลกอีกโลกที่ฉันสามารถหนีไปจากโลกความจริงได้ เขาเองก็ดูจะโอเคกับฉันมากๆด้วย”

“แล้วลูกๆของนายสองคนโอเคกันแล้วหรือธรัน?” ทอเรียลตัดสินใจวางลูกชายลงในเปลเด็กเล็กหลังจากเขาหลับสนิทไปแล้ว หญิงสาวก้มลงไปหอบหน้าผากทุยๆของเจ้าตัวเล็กส่งเขาเข้าสู่นิทราอีกครั้งแล้วเดินหลบออกมานั่งคุยตรงโต๊ะทานอาหารในห้องรับแขก

“ตอบยาก เลโกลัสก็ยังไม่เคยเจอบาร์ด ฉันเองก็ไม่เคยเจอลูกๆของเขาด้วย”

“งั้นทำไมพวกนายไปนัดเจอกันสักครั้ง ถ้านายอยากรู้ว่าทั้งสองฝั่งจะไปด้วยกันได้หรือเปล่า?”

“ฉันไม่กล้านะสิ” ชายหนุ่มผมทองทำสีหน้าลำบากใจ

“เฮ้ ธรัน ฉันว่าประเด็นสำคัญของนายกับคนที่ชื่อบาร์ดตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่เรื่องเลโกลัสกับลูกๆของเขาหรอกนะ” หญิงสาวปลายสายเอ่ยขึ้น “มันอยู่ที่ว่านายพร้อมจะเริ่มต้นใหม่แบบจริงจังแล้วหรือยังมากกว่า”

คนฟังนิ่งเงียบไม่ยอมตอบ

“ธรัน นายกับฉันเรารู้จักกันมานานมาก ตั้งแต่เอเลนิเอลจากไปนายก็พยายามคบคนมากมายแต่ไม่มีคนไหนเลยที่นายคบได้ยาวนาน โอเคบางคนฉันยอมรับว่าเขาดีไม่พอกับนาย แต่ธรัน นายเองก็ไม่เปิดรับพวกเขาด้วยเหมือนกัน”

“….”

หลังจากสูญเสียภรรยาไป ทอเรียลรับรู้ถึงความสัมพันธ์ที่หลากหลายของเพื่อนผมทองของเธอมาตลอด ธรันดูอิลมีคนรักหลายคน มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน บ้างก็จบด้วยดี บ้างก็จบไม่ดี เป็นไปตามสัจธรรมของความรักง่ายหน่ายเร็ว

เหมือนธรันดูอิลเปลี่ยนมุมมองเรื่องความรักเป็นเพียงเกมกีฬา เขาตามหาคนที่จะมาทดแทนคนที่จากไป

เขาเฝ้าแต่วิ่งไล่ตามอะไรบางอย่างโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังวิ่งหาอะไร

“ถ้านายอยากจะจริงจังคนที่ชื่อบาร์ดนี้ ฉันก็ดีใจกับนายด้วยนะธรัน” ทอเรียลพูดในสิ่งที่ธรันดูอิลไม่อยากได้ยินเท่าไรเธอรู้ดี แต่ในฐานะเพื่อนสนิทเธอจำเป็น “สิ่งแรกที่ฉันอยากให้นายทำอันดับแรกคือจบความสัมพันธ์กับคนอื่นให้เรียบร้อยจริงๆแล้วลองจริงจังกับคนที่นายคิดว่าโอเคอีกครั้ง”

“แล้วตอนนี้คิริออนยังรังควานนายอยู่หรือเปล่าธรัน?” หญิงสาวเอ่ยถามถึงอดีตคนรักคนหนึ่งของธรันดูอิล

“ฉันไม่ได้ข่าวเขามาสักพักแล้ว ”

“นั่นก็ดีแล้ว ธรันฉันเป็นห่วงนายมากนะ”

“ทอเรียล เธอคิดว่าฉันจะมีความสุขได้จริงหรือ?” ปลายเสียงของธรันดูอิลสั่นไปเล็กน้อย

“ทุกคนคนควรมีความสุขในชีวิตตัวเองธรัน ไม่ว่าฉัน นาย คิลิ ฟิลี เลโกลัส หรือ นายบาร์ดคนนั้น” ระหว่างที่ทอเรียลกำลังพูด เสียงร้องของไอเดนก็เริ่มดังแว่วเข้ามาในสายโทรศัพท์ “นายต้องให้โอกาสตัวเองนะ ฉันอยากเห็นนายกลับมายิ้มอีกครั้ง”

“ฉันรักนายนะธรัน มีอะไรคุยกับฉันได้เสมอ” แม้จะได้ยินเสียงของเด็กน้อยร้องแต่คนเป็นแม่ยังคงไม่รีบร้อนวางสายทันที “ไว้เรานัดมาเล่นดนตรีกันนะ นายดีดเปียโน ฉันจะร้องเพลงแบบเดิมไง”

“โอเคได้เลยทอเรียล แล้วนัดกันนะ”

ธรันดูอิลวางสายจากทอเรียลปล่อยเธอให้กลับไปทำหน้าที่แม่ของไอเดนต่อ ในหัวของเขามีอะไรหลายอย่างให้ครุ่นคิดเต็มไปหมด เขาหวังว่าการได้อาบน้ำอุ่นกับกลิ่นหอมธรรมชาติของสบู่ที่ชอบจะช่วยทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้น

ร่างสูงขยับลุกขึ้นปลดกระดุมเสื้อแขนยาวบางส่วนออกพลางพันตลบผมยาวสยายของตัวเองขึ้นไป ชายหนุ่มกำลังก้าวเท้าเดินเข้าห้องน้ำไปหากไม่ใช่เพราะเสียงเคาะประตูก่อน คิ้วเข้มบนหน้าคมเลิกเล็กน้อยก่อนที่ธรันดูอิลจะสาวเท้าไปแง้มประตู คนที่มาเคาะคือเฟเรนนั้นเอง

“ขอโทษด้วยท่านธรันดูอิล จริงๆนี่ก็ดึกมาแล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะมารบกวนเวลาพักผ่อน” เฟเรนมีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรจนคนมองตัดสินใจเปิดบานประตูออกกว้างแทนการแง้มเล็กน้อยในตอนแรก

“มีอะไรหรือ?”

“ผมคิดว่าคุณควรได้เห็นสิ่งนี้ แต่ผมไม่อยากทำให้คุณหนูเลโกลัสตกใจเลยแอบหยิบมาเก็บก่อนเขาจะเห็น”

ซองสีขาวถูกยื่นส่งมาให้ ธรันดูอิลมุ่นคิ้วระหว่างที่เอื้อมมือไปรับมันเปิดออกอ่าน ใบหน้าของชายหนุ่มผมยาวเคร่งเครียดขึ้นมาเมื่อหยิบเอากระดาษแผ่นเดียวที่บรรจุเอาไว้ขึ้นมาอ่าน บนกระดาษเป็นการนำตัวอักษรจากหนังสือพิมพ์มาแปะเรียงต่อกันเป็นประโยคว่า ‘You are mine.’

“คิริออน” ธรันดูอิลเผลอเอ่ยชื่อออกมา เฟเรนพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเข้าอกเข้าใจ ร่างสูงโปร่งขยำกระดาษในมือจนยับยู่ก่อนจะเริ่มเดินไปมารอบเตียงนอนด้วยความกังวล “ผมนึกว่าเขาจะเลิกตามผมแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลย”

“แล้วเราจะเอายังไงดีครับ?”

ธรันดูอิลเม้มปากไตร่ตรอง “เอาทั้งหมดไปเผาทิ้ง อย่าบอกให้เลโกลัสรู้เด็ดขาด พรุ่งนี้ผมจะใช้ช่างทำกุญแจมาเปลี่ยนล็อคประตูในบ้านใหม่หมด ผมต้องการให้แน่ใจว่าเขาจะไม่มีทางแอบเข้ามาในบ้านได้อีก”

เฟเรนขอตัวไปพักผ่อนแล้ว แต่ธรันดูอิลกลับไม่สามารถสงบใจได้เลย เขานั่งเครียดจนแทบปวดหัวจนเกือบถึงเช้า

.

.

.

.

ธรันดูอิลรู้สึกเหมือนอาทิตย์นี้ไม่ใช่อาทิตย์ของเขาเท่าไร เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ต้องหัวหมุนกับงานออกแบบด่วนจี๋ที่ปุบปับก็เข้ามา เขาต้องแทรกงานออกแบบเครื่องประดับของบริษัทโอเคนชีลด์ให้มาก่อนงานอื่นๆที่รับไว้ก่อนหน้านี้ทั้งหมด อีกฝ่ายแจ้งว่างานเร่งด่วนแบบพวกเขาจะยอมจ่ายค่าออกแบบแรกให้แบบพิเศษสุดๆได้ เพราะต้องการแบบของสร้อยเพชรสีขาวบริสุทธิ์ไปโชว์ให้กับลูกค้าชมก่อน ได้ยินมาว่าฝ่ายการตลาดของบริษัทได้ไปคุยโวไปก่อนแล้วว่าแบบของเครื่องประดับคอเล็คชั่นใหม่นี้จะมาจากเขาลูกค้าเลยสนใจ

ใจจริงธรันดูอิลก็ไม่อยากรับงานจากพวกโอเคนชีลด์เท่าไรถ้าไม่ใช่เพราะคิลียอมโทรสายตรงจากฝรั่งเศสมาอ้อนวอนขอให้ช่วยรับงานของลุงธอรินให้ทำให้ธรันดูอิลไม่กล้าปฏิเสธ แต่เขาก็รู้สึกหมดแรงในการเจรจากับพวกโอเคนชีลด์สุดๆเหมือนกัน เพราะอีกฝ่ายนั่นเคี่ยวจัดกับรายละเอียดโน่นนี่แบบสุดฤทธิ์จนหนุ่มผมทองแทบอยากเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งตลอดการสนทนา

ร่างสูงโปร่งนั่งก้มหน้านวดคลึงขมับอยู่บนโซฟาเนื้อนุ่มในสตูดิโอทำงานของตัวเอง รู้สึกเหมือนเขาแก่ชราลงไปหลายสิบปีหลังจากวางสายกับพวกโอเคนชีลด์จอมตืดพวกนั้น สักพักใหญ่ๆเสียงข้อความเข้าก็เด้งแจ้งเตือนในธรันดูอิลหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดู

ในใจของธรันดูอิลภาวนาขอให้ข้อความที่ส่งมาอย่ามาจากพวกโอเคนชีลด์อีกเลยก่อนที่เขาจะถอยหายใจด้วยความโล่งอกเพราะคนที่ส่งข้อความมาหาเขาคือบาร์ดเอง

From: ฺBard

เฮ้ สุดหล่อ วันนี้เป็นยังไงบ้าง? งานผมยุ่งมากเลย หวังว่าคุณจะไม่เป็นแบบผมหรอกนะ

To: Bard

ผิดถนัดเลย วันนี้ชีวิตผมปั่นป่วนมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ผมอยากจะบ้าตายแล้ว

From: Bard

ฮาฮ่าแปลกดี ไม่เคยเห็นคุณพิมพ์ลากยาวแบบนี้มาก่อนเลย วันนี้ทารุณกรรมมากเลยหรือไงคุณคนสวย

To: Bard

ผมเจอลูกค้าที่เจ้ากี้เจ้าการจนน่ารำคาญ ผมว่าคุณน่าจะเข้าใจผมดีเลยละตอนนี้ อยากได้นั่นนี่ไปหมด แต่ไม่ได้เข้าใจเรื่องพื้นฐานของการออกแบบอะไรเลย

From: Bard

แน่นอน ลูกค้าผมก็เรื่องการไม่แพ้ของคุณเลย หวังว่าคุณกบคุณลูกค้าของคุณจะหาทางตกลงกันได้นะ ถ้าตกลงกันไม่ได้นี่ปวดหัวน่าดูชมเชียว

To: Bard

เราสรุปได้แล้ว แต่ตอนนี้ผมสภาพเหมือนตาแก่นั่งหมดแรงหลังจากวางสายเลย

From: Bard

เหนื่อยก็พักก่อนนะ ผมไม่อยากให้คุณหักโหมเกินไป ผมเป็นห่วงคุณนะธรันดูอิล

ธรันดูอิลหวนคิดถึงบนสนทนาระหว่างเขากับทอเรียลเมื่อสองคืนก่อน สีหน้าลังเลปรากฎบนใบหน้ากึ่งหล่อกึ่งสวยนั้นในช่วงที่ธรันดูอิลกำลังพิมพ์ข้อความกลับไปหาบาร์ด

ใจจริงชายหนุ่มอยากจะคุยกับบาร์ดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่วันก่อนเป็นวันอาทิตย์ ธรันดูอิลก็ใช้เวลาอยู่กับเลโกลัสและเขาก็เชื่อว่าบาร์ดเองคงใช้เวลากับครอบครัวของตัวเองเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่สมควรที่เขาจะไปรบกวนบาร์ดในช่วงเวลาดีๆแบบนั้น ทั้งสองไม่ได้คุยกันมากกว่าส่งข้อความทักทายตอนเช้ากับก่อนนอน

To: Bard

เฮ้ คืนนี้คุณคิดว่าเราจะพอโทรศัพท์คุยกันหน่อยได้ไหม พ่อคนสุดฮ็อต ผมคิดถึงเสียงของคุณจัง

From: Bard

คุณทำให้ผมเขินรู้หรือเปล่าคุณนายแบบ แต่ผมก็คิดถึงเสียงของคุณเหมือนกันละ

To: Bard

ชอบคำชมของคุณจัง ว่าแต่คุณคิดถึงเสียงของผมในแง่ไหนเอ่ย รูปหล่อ เป็นเสียงที่ผมกระซิบข้างหูคุณหรือว่าเสียงผมกำลัง….

From: Bard

😲 คุณรู้ใช่ไหมว่าผมอยู่ที่ทำงานอยู่

To: Bard

การทำเรื่องซุกซนในออฟฟิศที่ทำงานนิดหน่อยช่วยคลายความเบื่อได้นะคุณโบว์แมน

From: Bard

ฮาฮ่า คุณนี่มันตัวแสบจริงๆธรันดูอิล 😈

From: Bard

เฮ้ คนสวยผมต้องรีบจัดการมื้อเที่ยงแล้วต้องไปทำงานต่อแล้ว คืนนี้เราคงคุยกันได้แต่ต้องดึกหน่อยนะเพราะผมต้องไปรับเด็กๆกลับมาบ้านก่อน น่าจะสะดวกสักสิบโมงหรือสิบเอ็ดโมงคุณโอเคไหมละ?

To: Bard

ผมก็ต้องดูแลเลโกลัสเหมือนกัน สิบเอ็ดโมงก็ได้ ผมน่าจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

From: Bard

โอเค ผมคิดถึงคุณนะ อย่าลืมทานมื้อเที่ยงด้วย

To: Bard

คิดถึงคุณเช่นกัน จะรีบไปหาอะไรกินเดี๋ยวนี้แล้ว

From: Bard

ผมจะนั่งทำงานตลอดบ่ายนี้คิดถึงคุณไปด้วย แล้วคืนนี้คุยกัน

ดวงตาสีฟ้ากระจ่างจ้องมองข้อความของบาร์ดนิ่งนาน

ทอเรียลโชคดีที่ได้พบคิลี คนที่เข้าใจเธอในทุกๆด้านและเธอเองก็ยอมรับและพร้อมเดินเคียงข้างเขาไปไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะยากลำบากแค่ไหน

ธรันดูอิลเองก็อยากโชคดีได้เจอคนที่เขาพร้อมจะเดินเคียงข้างไปด้วยกันอีกครั้งหลังจากเอเลนิเอลจากเขาไป เพราะยิ่งเขาได้คบหาและมีความสัมพันธ์กับผู้คนมากมายมันยิ่งว่างเปล่า เหมือนการตัดน้ำราดรดลงไปในพื้นที่ที่แห้งผากจนไม่สามารถปลูกอะไรให้เติบโตได้อีก

ชายหนุ่มอ่อนล้ากับการวิ่งไล่เงาอะไรสักอย่างที่เขาไม่อาจอธิบายได้ เขาอยากที่จะหยุด

ธรันดูอิลกับบาร์ดมีอะไรบางอย่างที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ทั้งสองคนสามารถคุยเข้ากันได้รวดเร็วอย่างน่าประหลาด เขาอยากจะเชื่อว่าหากเขากล้าที่จะก้าวไปหาบาร์ดทั้งสองคนน่าจะไปด้วยกันดี

แม้จะคิดแบบนั้นแต่อีกใจของธรันดูอิลก็ยังกังวลลึกๆ ประสบการณ์ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาสอนอะไรเขามามากพอสมควร บางทีอะไรที่มันดีเกินไปมักจะจบลงไปด้วยความเจ็บปวดเสมอ

หากเขาอยากจะเริ่มต้นกับบาร์ดอย่างจริงจังมันจะเป็นไปได้ไหม!?

.

.

.

.

To Be Continue

Novelber 2018 – Midnight Blue 3

Checklist: 4th – Red curry with roasted duck / 10th – Monument / 29th – Steamed cup cake

Paring: Bard Bowman x Thranduil (Barduil)

Genre: AU / Out of main plot / Romance (?)

Previously: [ 1 ] [ 2 ]

มาค่ะ ไปกินแกงเผ็ดเป็ดย่างกับขนมถ้วยฟูด้วยกัน 😋

=====

To: Thranduil

อีกอย่างหนึ่งคือผมดีใจนะที่คุณอยากเจอผม ผมอยากทำความรู้จักกับคุณ

บาร์ดมองดูข้อความที่ตัวเองเป็นคนส่งไป ให้นึกสงสัยว่าธรันดูอิลจะคิดอย่างไรกับเขาที่พิมพ์แบบนั้นไป

แอบกังวลนิดหน่อยว่าธรันดูอิลจะมองเขาแบบไหน แต่อีกฝ่ายดูเปิดเผยและรุกไล่เขาหนักมากตั้งแต่การเจอกันครั้งแรก คงไม่ดูแปลกถ้าบาร์ดจะขอหยอดคืนบ้างเล็กๆน้อยๆ

อีกนานหลายชั่วโมงก็ยังไม่มีข้อความตอบกลับและบาร์ดเองก็มัวแต่วุ่นวายกับการไปรับเด็กๆจากโรงเรียนและทำมื้อเย็นจนไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องอื่น กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยนาฬิกาก็บอกเวลาใกล้เที่ยงคืนแล้ว ชายหนุ่มเพิ่งได้ทิ้งตัวลงเตียงนุ่มๆ รู้สึกเมื่อยล้าไปทั้งตัว

มือหนากดตั้งนาฬิกาปลุกก่อนกดเข้าไปอ่านทวนข้อความสุดท้ายที่เขาส่งให้ธรันดูอิลเมื่อหลายชั่วโมงก่อนแต่อีกคนไม่ได้ตอบกลับมา

ความกังวลถูกจุดขึ้นในใจ บาร์ดไม่เคยคบผู้ชายแบบจริงจังมาก่อน แต่ตอนเรียนวิทยาลัยเขาเคยจูบทั้งหญิงและชาย มันเป็นช่วงวัยของความคึกคะนอง อยากจะสนุกสนานใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง แต่หลังจากเขาแต่งงานและมีลูกแล้วบาร์ดก็เลิกใช้ชีวิตแบบนั้นหันกลับมาทุ่มเททุกอย่างเพื่อครอบครัว

หลังจากที่ภรรยาของเขาจากไปตอนให้กำเนิดทิลด้า บาร์ดไม่ได้สนใจเรื่องความรักหรือการสร้างความสัมพันธ์กับใครอีกเลย เขาหมดเวลาไปกับการทำงานและดูแลทุกข์สุขของลูกๆทั้งสาม

เบอิน ซิกริด ทิลด้า คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต และบาร์ดอยากให้เด็กๆได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่คนเป็นพ่อแบบเขาจะมอบให้ได้

บาร์ดใส่ใจเรื่องของลูกๆจนแทบหลงลืมเรื่องของตัวเอง การที่จู่ๆมีใครอีกคนอย่าง ธรันดูอิล กรีนลีฟโผล่เข้ามาในชีวิตของเขาถือเป็นเรื่องแปลกใหม่และทำให้บา์ดระลึกได้ว่า เขานั้นไม่ได้คบหรือคุยกับใครจริงจังมา 7 เกือบ 8 ปีแล้ว

ชายหนุ่มได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเขาพร้อมจะเปิดรับความสัมพันธ์ใหม่นี้แล้วหรือยัง?

ริมฝีปากหยักเม้มหากันพลางตัดสินใจกดพิมพ์ข้อความส่งไปให้ชายหนุ่มผมทองต่อจากข้อความเดิม

To: Thranduil

G’ Nite. Mr. Doll

บาร์ดขยับผ้าห่มขึ้นมาพร้อมกับซุกหน้าลงกับหมอน ข่มหลับตาลงในความมืด เขาคงจะหลับไปก่อนจากความอ่อนล้าหากว่าโทรศัพท์ไม่สั่นครืดขึ้นมาเสียก่อน

ธรันดูอิลตอบเขากลับมา ชายหนุ่มเลิกคิ้วพลางกดเปิดข้อความนั้นดู

From: Thranduil

โทษทีที่ตอบช้า ผมหัวหมุนกับเรื่องที่บ้านนิดหน่อย คุณคงหลับไปแล้ว ยังไงก็ราตรีสวัสดิ์นะ

บาร์ดพลิกตัวกลับมานอนหงายเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟเล็กๆข้างหัวเตียงเพื่อให้ห้องสว่างขึ้น มือกดพิมพ์ข้อความตอบกลับ

To: Thranduil

ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ ว่าแต่คุณโอเคแล้วหรือยัง?

From: Thranduil

คุณทำผมตกใจจริงๆ นึกว่าจะนอนไปแล้วเสียอีกนะ ตอนนี้ทุกอย่างโอเคแล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วง

To: Thranduil

จริงๆผมอยู่บนเตียงแล้ว จวนเจียนจะหลับแล้วถ้าข้อความคุณไม่เด้งขึ้นมาก่อน ตอนนี้ตากลับมาสว่างโล่เลย

From: Thranduil

ฮาฮ่า ผมนี่แย่จริงๆเลยนะ ไปปลุกคนที่กำลังจะนอนให้ตื่นเสียได้ แบบนี้ผมต้องไถ่โทษคุณยังไงดีละ?

To: Thranduil

ไถ่โทษด้วยการเลี้ยงข้าวผมสักมื้อเป็นยังไง คุณนายแบบ

From: Thranduil

คุณมันแย่ที่สุด

From: Thranduil

แต่ก็ได้ งั้นวันที่เรานัดเจอกันผมเป็นเจ้ามือเอง

To: Thranduil

แน่นอนผมไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว Mr. Doll

From: Thranduil

เฮ้ คุณเรียกผมว่าตุ๊กตาอีกแล้วนะ ถ้าผมเป็นตุ๊กตาแล้วคุณจะเป็นคนตกแต่งตุ๊กตาตัวนี้ไหมละ

To: Thranduil

แล้วคุณอยากให้ผมช่วยแต่งตัวให้คุณไหมละ คุณตุ๊กตา

From: Thranduil

ก่อนจะแต่งตัวให้ตุ๊กตา ผมอยากให้คุณเดามากกว่าว่าตอนนี้ตุ๊กตาตัวนี้อยู่ไหน ทำอะไรอยู่

To: Thranduil

คุณทำให้ผมสงสัย ดึกแบบนี้คุณคงกำลังเตรียมตัวจะนอนแล้วหรือเปล่า

From: Thranduil

คุณเดาผิด ให้ลองใหม่อีกครั้ง

To: Thranduil

งั้นผมก็ยอมแพ้แล้วละ สรุปแล้วคุณกำลังทำอะไรอยู่

From: Thranduil

ผมกำลังถอดเสื้อจะอาบน้ำอยู่ สนใจอยากช่วยตุ๊กตาตัวนี้อาบน้ำไหมละคุณโบว์แมน?

บาร์ดหายใจสะดุดจนถึงกับไอโขลกเมื่ออ่านจนจบประโยค ชายหนุ่มสบถน้อยๆ

ช่างยากเหลือเกินที่จะไม่จินตนาการภาพวาบหวิวของร่างสูงโปร่งที่งดงามเปลือยกายใต้ไอหมอกของสายน้ำ ใบหน้าคมเข้มร้อนวาบเหมือนจะเป็นไข้และหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น บาร์ดพยายามตั้งสติพิมพ์ตอบกลับไป

To: Thranduil

คุณนี่มันนิสัยแย่ที่สุด

From: Thranduil

แน่นอนผมไม่ใช่ผมดี Mr. Bowman

To: Thranduil

ให้ตายสิ คุณจะทำให้ผมนอนไม่หลับในคืนนี้ ตอนนี้ผมยิ่งกว่าตาสว่างอีก

From: Thranduil

ฮาฮ่า เอาเป็นว่าผมจะไถ่โทษให้คุณวันที่เราเจอกันแล้วนะ

From: Thranduil

ผมต้องไปจริงๆแล้ว ราตรีสวัสดิ์รอบที่ 2 นะ พ่อคนหล่อ ❤

To: Thranduil

ผมเองก็ต้องนอนแล้วไม่งั้นพรุ่งนี้เช้าผมคงตื่นไปทำงานสายแน่ๆ

To: Thranduil

ราตรีสวัสดิ์นะ คุณกรีนลีฟสุดเท่

From: Thranduil

แล้วคุยกันใหม่ สุดหล่อโบว์แมน

บาร์ดถอนหายใจก่อนวางโยนโทรศัพท์มือถือไปด้านข้าง เอื้อมมือไปดับโคมไฟ เขาพยายามจะข่มตาหลับในความมืดอีกครั้งหากไม่เพราะจินตนาการอันตรายที่ถูกจุดประกายด้วยข้อความของธรันดูอิลเมื่อสักครู่ไหลวูบกลับเข้ามาในหัวอีกรอบ

เรียวแขนขายาวสวย ผิวขาวกระจ่างพร่างพรมด้วยหยดน้ำ ปลายผมสีทองอ่อนเปียกลู่ตามแผ่นหลังกว้าง

ชายหนุ่มคำรามน้อย ซุกหน้าลงกับหมอนแล้วพลิกมันให้ปิดหน้าร้อนเห่อของตัวเอง

บาร์ดได้แต่สงสัยว่าคืนนี้เขาได้นอนหลับแบบที่ตั้งใจไว้หรือไม่!?

.

.

.

.

บาร์ดใช้เวลาทั้งสามวันที่เหลือไปกับการทำงานหนักและการถูกหัวหน้าอัลเฟรดจ้องจับผิด มันน่าอึดอัดและน่าเบื่อพอๆกัน ตกเย็นเขาทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการดูแลลูกทั้งสามคน

ชายหนุ่มแทบไม่ค่อยได้คุยกับธรันดูอิลมากนักนอกจากการส่งข้อความหากันในตอนเช้าและช่วงก่อนเข้านอน อีกฝ่ายเองก็ดูจะยุ่งไปแพ้กัน พวกเขามีคุยกันเล็กน้อยถึงเวลาและสถานที่จะนัดพบกันในเสาร์นี้ แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วทั้งสองฝ่ายไม่ได้คุยอะไรอีกเลย

แม้จะไม่แน่ชัดว่าอีกฝ่ายทำงานอะไร บาร์ดรู้แค่ว่าธรันดูอิลมีงานที่จะต้องทำให้เสร็จภายในเดดไลน์วันศุกร์นี้ ชายหนุ่มผมทองจึงขอนัดเป็นวันเสาร์ ซึ่งบาร์ดก็เห็นด้วยในข้อนี้ เพราะเขาเองคงจะยุ่งเหยิงมากในวันธรรมดา

แต่ถ้าให้คาดเดาแล้วหนุ่มผมทองไม่น่าจะใช่พนักงานประจำแบบเขาแน่นอน

บาร์ดตื่นสายในเช้าวันเสาร์เพราะเขาไม่จำเป็นต้องรีบเร่งปลุกลูกๆทั้งสามไปโรงเรียน ชายหนุ่มอ้อยอิ่งบนเตียงหลังกดปิดนาฬิกาปลุกไปแล้วสักพักจึงลุกขึ้นจัดการธุระส่วนตัวก่อนเดินลงชั้นล่างไปเตรียมมื้อเช้า กว่าบาร์ดจะกลับขึ้นไปปลุกเด็กๆทั้งซิกริดและทิลด้าก็ตื่นแล้ว แต่ไม่ต้องพูดถึงเบอิน พี่ชายคนโตจอมอุตุของบ้านที่ต่อให้เอาม้ามาลากยังไงก็ไม่ยอมตื่น

เขาใช้เวลาจัดการความยุ่งเหยิงในบ้านที่ค้างคามาตลอดอาทิตย์ทั้งเก็บกวาดห้องครัว ห้องนั่งเล่น เอาผ้าไปซัก ทำความสะอาดห้องน้ำก่อนจะกลับมาช่วยซิกริดเตรียมมื้อเที่ยงแบบง่ายๆ เบอินกำลังทำการบ้านอยู่ในห้อง ส่วนทิลด้านั่งเล่นของเล่นอยู่

แม้จะวุ่นวายแค่ไหนแต่คนเป็นพ่อก็ไม่ลืมไหว้วานให้ลูกสาวคนกลางช่วยเป็นคนดูแลบ้านระหว่างที่ตัวเองไม่อยู่ในช่วงเย็นวันนี้ ซิกริดดูประหลาดใจนิดหน่อยแต่ก็ยิ้มรับและตกลงแต่โดยดี ในทางกลับกันเบอินดูจะตื่นเต้นมากที่บาร์ดมีนัดในเย็นวันนี้ เด็กหนุ่มพยายามเลียบเคียงถามพ่อตัวเองถึงคนที่บาร์ดจะไปทานมื้อค่ำด้วยไม่ยอมหยุด แต่บาร์ดก็บอกลูกชายแค่ว่าเขาจะไปทานอาหารกับ ‘เพื่อน’

เพราะสำหรับบาร์ดเองก็ไม่รู้จะเรียกการเจอกันครั้งนี้ว่าการเดตได้หรือไม่!?

ชายหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เขาไม่อยากให้ทุกอย่างดูเป็นทางการเกินไปจนน่าอึดอัด บาร์ดเลือกใส่เสื้อสีน้ำเงินคลุมทับด้วยโค้ทเนื้อบางสีเทากับกางเกงยีนส์สีเข้ม เขาพยายามใช้มือจัดทรงผมยุ่งๆของตัวเองให้เข้ารูปเข้ารอยมากที่สุด

เด็กๆมายืนส่งคนเป็นพ่อถึงหน้าประตู บาร์ดกำชับให้ลูกทั้งสามคนของเขาทานมื้อค่ำให้ตรงเวลาและอย่านอนดึกเกินสี่ทุ่ม บาร์ดหอมแก้มเบอิน ซิกริด และทิลด้าตามลำดับก่อนออกจากบ้านมา

ชายหนุ่มเลือกใช้บริการรถไฟใต้ดินในการเดินทางไปยังจุดนัดพบที่อยู่ใกล้ๆกับ Hyde Park ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง

ความรู้สึกกังวลกับประหม่าตีวนอยู่ในช่องท้องกับบาร์ด ร่างสูงกระสับกระส่ายจนเผลอตัวขยับเท้ากระทบกับพื้นรถไฟถี่รัว มือไม้รู้สึกเหมือนไม่อยู่ในที่ทางของมันแบบที่ควรจะเป็นสักนิด โทรศัพท์มือถือถูกหยิบขึ้นมาเปิดอ่านข้อความของทั้งเขาและชายผมทองด้วยหวังว่ามันจะช่วยลดความตื่นเต้นลงได้บ้าง

From: Thranduil

ถ้านัดพบกันที่ เวลลิงตัน อาช ตอน 6.30 คุณโอเคหรือเปล่า?

To: Thranduil

ได้เลย ว่าแต่คุณจะผมไปกินอะไรกันแน่

From: Thranduil

จุ๊ๆ ความลับน่ะคุณโบว์แมน บอกไปก่อนคุณก็ไม่ตื่นเต้นสิ

To: Thranduil

พอคุณบอกแบบนี้มันชักทำให้ผมกังวลใจแล้วสิ

From: Tranduil

คุณเป็นคนบอกให้ผมเลี้ยงข้าวเอง ดังนั้นผมจะเป็นคนเลือกร้านให้ และคุณไม่ทางปฏิเสธได้

From: Thranduil

เชื่อมือผมเถอะ ผมว่าคุณจะชอบแน่นอน

To: Thranduil

โอเค ผมยอมแพ้แล้วแต่คุณเลยพ่อนายแบบสุดหล่อ ผมจะยอมคุณทุกอย่างถ้าทำให้คุณพอใจ

From: Thanduil

เป็นคำตอบที่น่าพอใจมาก จงเป็นเด็กดีแล้วรอคอยอย่างใจเย็นแล้วกันนะ คุณสุดหล่อ

บาร์ดแตะบัตรเดินออกจากประตูของรถไฟใต้ดินที่สถานี Hyde Park Cornor นานแล้วที่เขาไม่ได้แวะเวียนมาแถวนี้ ส่วนหนึ่งอาจเพราะบริเวณมีนักท่องเที่ยวและเสียงอึกทึกแยะเกินไป แต่เมื่อได้กลับมาความทรงจำดีสมัยก่อนก็ยังคงชัดเจน

ชายหนุ่มเดินเข้าไปบริเวณที่ตั้งของประตูชัยเวลลิงตัน อาช แม้จะเริ่มเย็นแล้วแต่บริเวณนี้ก็ยังคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเดินขวักไขว่ บรรยากาศร่มรื่นมีต้นไม้เขียวขจีสวยงามยังคงดึงดูดคนให้มาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่ไม่ขาดสาย บางคนก็เดินเล่น บางคนก็ปั่นจักรยาน

บาร์ดพลิกข้อมือขึ้นดูหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ..ใกล้ถึงเวลาที่อีกคนนัดเขาแล้ว ชายหนุ่มได้แต่ภาวนาว่าอีกฝ่ายจะมาไม่มาสายหรือที่แย่กว่านั้น เช่น จู่ๆโทรมาขอยกเลิกนัดแทน

บาร์ดยืนมองผู้คนมากมายโดยมีพื้นหลังเป็นภาพของประตูชัยและอนุสาวรีย์อย่างเพลิดเพลิน นานแล้วที่เขาไม่มีโอกาสได้ออกมาใช้ชีวิตสบายๆ นั่งมองดูผู้คนและความเป็นไปรอบด้านแบบนี้

“ไม่ยักรู้ว่าคุณก็ชอบศิลปะ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง บาร์ดหันกลับไปพบกับดวงตาสีฟ้าเหลือบเทาที่คงอยู่ในสมองเขามาตลอดหลายวัน

ธรันดูอิลยิ้มน้อยๆทักทาย ชายหนุ่มยังคงดูสวยงามโดดเด่นเหมือนครั้งแรกที่บาร์ดเห็นแม้อยู่ในชุดสีเทาเข้มกางเกงขายาวเข้ารุปกับเสื้อคลุมสีนวลยาวแบบชาวลอนดอนทั่วไป แต่บาร์ดบอกได้เลยว่าไม่ว่าจะมองยังไงธรันดูอิลก็ไม่สามารถถูกฝูงชนรอบด้านนี้กลบไปได้

“สวัสดีตอนเย็นนะ คุณโบว์แมน” ชายหนุ่มผมทองเอ่ยติดขบขัน

“อะ…สวัสดีตอนเย็นคุณกรีนลีฟ คุณดู…สวยจนผมตะลึงไปเลย” ความรู้สึกปั่นป่วนในท้องของชายหนุ่มผมหยักศกยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อเขาได้กลับมามายืนประจัญหน้ากับธรันดูอิลอีกครั้ง

“ขอบคุนสำหรับคำชม คุณเองก็หล่อมากเหมือนกันนะวันนี้” ชายหนุ่มในชุดโค้ทสีอ่อนชมกลับ “เห็นคุณกำลังยืนมองประตูชัยอยู่นานจนผมไม่อยากเข้ามารบกวนเลยคุณโบว์แมน”

บาร์ดเลิกคิ้ว รู้สึกประหลาดๆนิดหน่อยที่ถูกเรียกแบบนั้น “อะ…เรียกผมว่าบาร์ดปรกติก็ได้นะ เพราะผมก็อยากเรียกคุณว่า ธรันดูอิล เหมือนกัน”

“ตามสบายเลยบาร์ด แล้วนี่รอนานหรือเปล่า โทษทีที่ผมมาช้าไปหน่อย มัวแต่ติดคุยงานอยู่ที่โรงแรม”

“ก็ไม่นานเท่าไร แต่ผมไม่รู้จะทำอะไรเลยยืนมองรูปปั้นพวกนี้ฆ่าเวลาแทน” บาร์ดยักไหล่เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไรพลางยกมือชี้ไปที่รูปปั้นคนกำลังขี่ม้ากับซุ้มประตูที่งดงามหรูหรา

“คุณไม่รู้ประวัติของมันหรอกหรือ?” คิ้วเข้มหนานั้นเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ

“จำไม่ได้เลย ผมอาจจะเคยเรียนเมื่อตอนยังอยู่มัธยมแต่น่าจะลืมไปหมดแล้ว สมัยก่อนผมไม่ค่อยชอบเรียนประวัติศาสตร์เท่าไร” บาร์ดส่ายหัวพลางทำหน้าเหมือนเจอยาขมเมื่อหวนคิดถึงคาบเรียนประวัติศาสตร์สมัยเด็กที่จะทำเขาหลับได้ตลอดเวลา

“ฮาฮ่า ผมเข้าใจ” ธรันดูอิลหัวเราะน้อยๆ “เมื่อก่อนผมเรียนก็มีแอบหลับในคาบเหมือนกันละ ตอนนั้นครูประจำวิชาของผม ชื่อ มิสซิสเดซี่ เธอค่อนข้างอายุมากแถมก็ชอบพูดช้าจนผมจะหลับ แต่จริงๆเธอเป็นคนใจดีมากเลยนะ โอ้ว เราจะไปทางนั้นกัน”

บาร์ดเดินไปตามทางที่ธรันดูอิลบอก ชายหนุ่มพยายามสะกดความตื่นเต้นไว้ใต้ใบหน้านิ่งๆระหว่างที่กำลังเดินตามร่างสูงโปร่งในเสื้อคลุมสีอ่อนไปบนถนน

“ซุ้มประตูชัย เวลลิงตัน อาช ถูกสร้างเพื่ออนุสรณ์ชัยชยะในสงครามวอเตอร์ลูของดยุคแห่งเวลลิงตัน คนที่คุณเห็นรูปปั้นด้านล่างนั้นและ จริงๆถ้ามีเวลาเราน่าจะได้ไปชมพิพิธภัณฑ์บ้านเลขที่ 1 กันด้วย”

ธรันดูอิลดูตื่นเต้นกับการอธิบายประวัติความเป็นมาของอนุสาวรีย์แห่งนี้ บาร์ดเห็นดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายตอนที่คนตัวสูงร่ายยาวรายละเอียด

“คุณดูจะชอบประวัติศาสตร์ถึงคุณจะบอกว่าแอบหลับในคาบเรียนตอนเด็กก็เถอะ”

“ผมชอบทั้งศิลปะและประวัติศาสตร์ มันเป็นงดงามที่มาควบคู่กัน” เรียวปากบางยิ้มขวยเขิน “แต่ผมคิดว่าคุณไม่ได้อยากมานั่งฟังผมเลคเชอร์คาบประวัติศาสตร์ศิลปะในวันนี้หรอกนะ”

“ผมอาจจะอยากฟังก็ได้นะ ใครจะรู้”

“ถ้าเป็นแบบนั้นคงน่าเบื่อแย่เลย” ธรันดูอิลเอ่ยพลางหัวเราะน้อยๆ

ทั้งสองเดินไปตามสนทนาเรื่องไร้สาระ เช่น การจราจร อากาศวันนี้ อาหารมื้อเที่ยง จนถึงจุดหมายปลายทางที่ชายหนุ่มผมทองตั้งใจจะพามา

บาร์ดมองดูด้านของร้าน ด้านประตูเน้นเป็นสีดำเพื่อความสุขุมและยิ่งทำให้ป้ายชื่อร้าน Mango Tree ที่เป็นสีส้มดูเด่นชัดขึ้นใต้แสงไฟ บริกรในชุดสุภาพเดินมาเปิดประตูต้อนรับ

“กรีนลีฟ สองที่ จองไว้ตอนเจ็ดโมงครับ”

บรรยากาศภายในร้านดูอบอุ่นและหรูหรา แสงไฟสีนวลอ่อนกระทบกับม่านแดงเข้ม โต๊ะอาหารเรียงรายเป็นระเบียบสวยงาม

พวกเขาได้นั่งโต๊ะที่ติดกับม่านสีแดงระย้า บาร์ดไม่อยากยอมรับเลยว่าธรันดูอิลดูดีเอามากๆยิ่งมีพื้นหลังสีจัดจ้านแบบนี้เป็นตัวช่วยขับเสริม

“ไม่คิดว่าคุณจะพามาร้านอาหารไทย” บาร์ดที่ทรุดตังนั่งลงบนเก้าอี้เอ่ยพร้อมสอดส่ายสายตาสำรวจ ร้านอาหารนี้ไม่ใหญ่มากแต่กับแน่นขนัดไปด้วยลูกค้าทั้งคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติ บ้างมาเป็นคู่แบบเดียวกับพวกเขา บ้างก็มาเป็นกลุ่ม

“คุณเคยกินอาหารไทยหรือเปล่าบาร์ด?” ใบหน้าสะสวยอมยิ้มนิดๆถาม

ชายหนุ่มผมหยักศกสั่นหัวแทนการปฏิเสธ

“งั้นก็วิเศษเลย ถือว่าผมพาคุณมาลองอาหารแปลกใหม่…แต่ผมเตือนไว้ก่อนว่ามันคุณอาจจะร้อนรุ่มได้” ธรันดูอิลขยิบตาเล็กๆส่งให้พร้อมรอยยิ้มกริ่มที่คนมองไม่อยากไว้วางใจเท่าไร เหมือนเห็นหางปลายลูกศรกำลังโบกสะบัดอยู่หลังธรันดูอิลชอบกล

บาร์ดทำหน้าไม่แน่ใจ “นี่ผมจะโดนแกล้งอะไรหรือเปล่า!?”

“เชื่อใจผมเถอะ ผมไม่แกล้งคุณหรอกบาร์ด”

คนฟังหรี่ตามอง ไม่อยากไว้วางใจสีหน้าแสนกลแบบนั้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ “ว่าแต่งานคุณที่ต้องส่งเรียบร้อยแล้วหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้ว แต่ผมยังต้องแก้งานอีกหน่อย คนจ้างมีจุดที่ยังไม่พอใจ” ธรันดูอิลยิ้มก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นจิบ

เมื่อสบโอกาสบาร์ดจึงตัดสินใจถาม “ให้ผมเดาคุณไม่ได้เป็นพนักงานงานบริษัทสินะ”

“ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตัวเองทำอาชีพอะไรเหมือนกัน”

บาร์ดเลิกคิ้วสงสัย “หมายความว่าคุณทำงานหลายอย่างอะไรแบบนั้นหรือ?”

“ตอนนี้ผมรับคอมมิชชั่นวาดภาพ แล้วก็ออกแบบมีออกแบบเสื้อผ้ากับเครื่องประดับเป็นครั้งคราว ผมเล่นเปียโนได้นิดหน่อยเลยเคยรับงานบ้าง แล้วก็ก่อนหน้านี้เคยลองเป็นอาจารย์สอนหนังสือแต่มันไม่เข้ากับผมเท่าไร” ชายหนุ่มผมทองอธิบายด้วยสีหน้าสบายๆตอนที่สาธยายสรรพคุณตัวเอง

บาร์ดไม่แน่ใจว่าตัวเองเผลออ้าค้างหรือเปล่าหลังฟังจบ “ผมจะเรียกคุณว่าซุปเปอร์แมนดีไหมธรันดูอิล?”

“งั้นผมขอเป็นแบทแมนแทนดีกว่า อย่างน้อย แบทแมนก็เป็นมนุษย์จริงๆเหมือนผม” เป็นคำถ่อมตัวที่ฟังดูน่าหมั่นไส้นิดๆ แต่บาร์ดกลับู้สึกชอบ

“งั้นผมถามได้ไหมบาร์ด ตอนนี้คุณทำอาชีพอะไร?”

“ผมเป็นพนักงานประจำดูแลลูกค้า…งานน่าเบื่อนะผมรู้” ชายหนุ่มผมเข้มไหวไหล่ตอบ “งานหนักหน่อยแต่ค่าตอบแทนก็พอสมควรเลย”

“ยังไงกองทัพก็ต้องเดินด้วยท้องสินะ ผมเข้าใจๆ”

รอไม่นานอาหารปรุงสดใหม่ก็ถูกยกมาเสิร์ฟที่โต๊ะ เมนูเรียกน้ำย่อยทีชื่อว่าหมูสะเต๊ะ เป็นหมูย่างที่ซอสราดหอมกลิ่นถั่วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เมนูถัดไปนั้นทำให้บาร์ดตกตะลึง

ไม่ได้อยากตกใจแต่บาร์ดไม่เคยเจออาหารที่ไหนเสิร์ฟในสับปะรดผ่าครึ่งซีกแบบนี้มาก่อน ภายในผลไม้ที่ถูกผ่าครึ่งมาเป็นซุปข้นสีส้มอมแดงจัดส่งกลิ่นหอมชวนกิน ด้านบนประดับด้วยพริกสีเขียวหั่นขวางตัดกับสีซุปสวยงาม

ชายหนุ่มส่งสายตาสงสัยมองดูเมนูอาหารหน้าตาประหลาดบนโต๊ะพลางมองดูก้อนปุยๆสีขาวร้อนกรุ่นที่บริกรตักวางกลางจานของเขา

“นี่คือแกงเป็ดย่าง ผมอยากให้คุณลองชิม” ธรันดูอิลใช้ช้อนกลางตักซุปจากถ้วยผลสับปะรดให้ มองดูคร่าวๆน่ามีเหมือนเนื้อเป็ด มะเขือ กับสมุนไพรที่บาร์ดไม่รู้จัก

“ทานกับข้าวร้อนๆอร่อยมากเลยนะ” อีกฝ่ายไม่พูดเปล่า ตักแกงในถ้วยไปใส่จานตัวเองหน้าตาเฉยพร้อมกับตักทานกับข้าวร้อนๆโชว์ให้เขาเห็น

ชายหนุ่มผมหยักศกหรี่ตามองดูใบหน้าสวยใต้แสงไฟนั้นเคี้ยวอาหารแก้มฟอง แม้จะไม่แน่ใจแต่บาร์ดก็ตัดสินใจตักแกงที่ว่านั้นเข้าปากไป

รสชาติแสบร้อนของพริกคือสิ่งแรกที่บาร์ดรู้สึกในช่องปาก ทำเอาหน้าลามไปถึงคอของชายหนุ่มเห่อร้อน แม้จะมีรสชาตินุ่มๆของเนื้อเป็ดกับรสหอมหวานของมะพร้าวกะทิมาช่วยแต่ความเผ็ดยังคงแผลงฤทธิ์อยู่ดี

บาร์ดคว้าเอาแก้วน้ำมาดื่มล้างความแสบร้อนโดยมีธรันดูอิลหัวเราะน้อยๆคอยช่วยรินน้ำเพิ่มให้

นานหลายนาทีกว่าบาร์ดจะกลับมาพูดได้ปรกติ “ให้ตายเถอะ ผมนึกว่าจะตายแล้วเสียอีก”

ขณะที่พูดก็ยังกระดกน้ำดื่มล้างปากถี่รัวไม่หยุด

“ผมขอโทษๆ ผมน่าจะเตือนคุณก่อนว่าแกงมันเผ็ด”

“ผมกินเผ็ดได้นะ แต่ไม่เคยลองอาหารชาวตะวันออกมาก่อนเลยไม่รู้ว่ามันจะเผ็ดร้อนขนาดนี่” บาร์ดสารภาพพลางมองดูธรันดูอิลที่ยังคงตักแกงเผ็ดเข้าปากหน้าตาเฉยอย่างทึ่งๆ

“อาหารของชาวเอเชียจะมีรสเผ็ดร้อนจากสมุนไพรที่ใส่เป็นส่วนผสม คุณไม่คุ้นก็ไม่แปลกหรอก” จิตรกรหนุ่มยิ้มน้อยๆด้วยสงสารคนฝั่งตรงข้ามที่ยังคงเผ็ดจนหน้าแดงก่ำ

“เดี๋ยวคุณทานแกะย่างแทนแล้วกัน” ว่าพลางเลื่อนจานเนื้อแกะให้เข้าไปใกล้บาร์ดมากขึ้น

“จริงๆแกงอร่อยมาก แต่ผมคงต้องยอมแพ้” เขาไม่ได้เกลียดแกงเผ็ด บาร์ดยอมรับว่าการกินอาหารรสจัดจ้านช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าได้ดีทีเดียว

“ผมสั่งเมนูอื่นไว้อีก ไม่ต้องกังวลไป รับรองว่าไม่เผ็ดทรมานลิ้นคุณแล้ว” เสียงทุ้มปลอบกลั้วเสียงหัวเราะเมื่อยังเห็นว่าบาร์ดยังคงจิบน้ำต่อเพื่อล้างรสชาติเผ็ด

ธรันดูอิลไม่ได้โกหกที่ว่าบาร์ดจะชอบอาหารมื้อนี้ อาหารไทยรสชาติเข้มข้นถูกปากชายหนุ่มทุกเมนูยกเว้นแต่แกงเผ็ดเป็ดย่างที่บาร์ดต้องขอละเว้นเพราะไม่อยากลิ้นไหม้อีกรอบ

ขนมหวานตบท้ายมื้อเป็นขนมไทยที่คนผมทองเรียกว่า ขนมถ้วยฟู รสสัมผัสของขนมถ้วยฟูมีความคล้ายคลึงกับคัพเค้กที่บาร์ดคุ้นเคย แต่เนื้อขนมมีความหนึบเหนียวกว่านิดหน่อย และมีกลิ่นหอมที่เขาไม่รู้จักแต่ดมแล้วก็ชอบ

“เป็นมื้ออาหารที่วิเศษมากเลย ขอบคุณที่พามาที่นี่นะ ธรันดูอิล” บาร์ดเอ่ยขึ้นระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทอดน่องไปตามถนนยาว

“ผมดีใจที่คุณชอบนะ” คนตัวสูงเดินเอามือซุกในกระเป๋าเสื้อโค้ทหันมายิ้มตอบ “คืนนี้ก็เป็นคืนที่ยอดเยี่ยมสำหรับผมเช่นกัน”

“ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม?” ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบไปมองด้านข้างใบหน้าสะสวยใต้แสงไฟสลัวจากโคมไฟ

“ว่ามาได้เลย”

“ทำไมคุณถึงอยากคุยกับผม?” บาร์ดตัดสินใจถามคำถามที่ค้างในหัวมาตั้งแต่แรก

คนที่โดดเด่นแบบธรันดูอิลไม่น่าจะมาสนใจคนธรรมดาแบบบาร์ดได้เลย อีกฝ่ายเหมือนเทพบุตรที่หลุดออกมาจากนิทานที่เขามักเล่าให้ทิลด้าฟังสมัยก่อน แต่บาร์ดคือขั้วที่ตรงข้ามกับธรันดูอิลสิ้นเชิง

เขาเป็นผู้ชายธรรมดา เป็นคนทำงาน เป็นพ่อของลูกสามคน เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบปากท้อง ไม่มีอะไรโดดเด่นพิเศษ

“ไม่รู้สิ ผมแค่เห็นคุณที่บาร์แล้วผมก็สนใจ” เป็นคำตอบที่ไม่ช่วยให้กระจ่างมากขึ้นเท่าไรนัก

บาร์ดถอนหายใจกับคำตอบ “ผมไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่นะธรันดูอิล แต่เพื่อให้ยุติธรรมกับคุณด้วย ผมว่าคุณควรได้รู้ว่าผมเคยแต่งงานและมีลูกแล้ว”

ธรันดูอิลเลิกคิ้วประหลาดใจเล็กน้อย “บังเอิญจังผมเองก็มีลูกชายคนหนึ่ง เลโกลัส”

“ของผมลูกชายหนึ่ง เบอิน กับลูกสาวสอง ซิกริด ทิลด้า”

“พวกเขาต้องน่ารักมากแน่ๆ” บาร์ดยิ้มรับคำชมนั้นด้วยสีหน้าภูมิใจ

“คุณเป็นคนที่ดีมากๆเลยบาร์ด” ชายหนุ่มผมทองยิ้มตอบกลับ “ผมเชื่อว่าลูกๆของคุณจะเป็นคนที่วิเศษไม่แพ้พ่อของพวกเขา”

เวลาเริ่มดึกขึ้น อากาศก็เริ่มเย็นลง บาร์ดรู้ดีว่าถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องร่ำลาเพื่อแยกย้ายกลับบ้านแล้ว “ขอบคุณที่ชวนผมมาวันนี้ เป็นวันที่ยอดเยี่ยมสำหรับผมมากจริงๆ”

“ต้องขอบคุณที่คุณยอมมานั่งฟังผมคุยเรื่อยเปื่อยไร้สาระตลอดเย็นนี้ ผมสนุกมากที่ได้มาเจอคุณ” เอ่ยจบธรันดูอิลโน้มไปหอมแก้มคนผมหยักศกเบาๆ

บาร์ดรู้สึกขวยเขินจนเหมือนจะทำตัวไม่ถูก นี่เป็นหนที่สองแล้วที่ชายผมทองหอมแก้มเขา ร่างสูงยกมือเป็นเชิงบอกลาก่อนหันหลังเดินเก้ๆกังๆออกไป

“ไว้ผมจะโทรหานะ” แม้จะเดินห่างออกไปแล้ว แต่บาร์ดก็เหลียวหลังกลับมาตะโกนบอกคนที่ยังยืนอมยิ้มมองอยู่

“งั้นผมจะรอรับสายคุณนะ สุดหล่อ”ธรันดูอิลตะโกนกลับพร้อมแย้มยิ้มกว้างและโบกมือลาส่งให้

บาร์ดรู้สึกหน้าร้อนวูบ ใจเต้นผิดจังหวะแบบที่ไม่้เคยเป็นมานาน ชายหนุ่มยกมือขึ้นลาอีกครั้งก่อนหมุนตัวมุ่งหน้าเดินไปสถานีรถไฟใต้ดิน

แย่แล้ว เขารู้สึกเหมือนจะหลงใหลในตัวธรันดูอิลเข้าจริงๆแล้ว!!

.

.

.

.

To Be Continue ~

=====
Remark

ร้าน Mango Tree เป็นร้านอาหารไทยที่มีจริงในลอนดอน ตั้งอยู่ที่ 46 Grosvenor Place, London SW1X 7EQ นะคะ เมนูแกงเผ็ดเป็ดย่างเป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมของทางร้าน แต่ที่ร้านจะไม่มีบริการขนมถ้วยฟูแบบในฟิคเพราะเราประยุกต์ขึ้นเองค่ะ

ใครสนใจสามารถแวะเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของทางร้าน ดูเมนูอาหารได้ตามนี้เลยนะคะ – LINK

ส่วนตัวเรายังไม่เคยมีโอกาสไปเยือนลอนดอนและร้านอาหารนี้เลยนะคะ อาจมีข้อมูลบางส่วนในฟิคที่ผิดไปจากความเป็นจริงเพราะเราไม่ทราบเองจริงๆหรือต้องประยุกต์เพื่อให้เข้ากับฟิคชั่น หากเนื้อหาตรงไหนพลาดไปเราต้องกราบขออภัยไว้ด้วยนะคะ

[Drabble] The Hobbit – Firefly

Paring: Bard Bowman x Thranduil (Barduil)

.

.

.

อันเสน่หาของสองเรานั้นดุจดั่งหิ่งห้อยน้อยแสงยามรัตติกาล

เพียงแต่ไปพบสบตาก็ตกหลุมพลางแห่งรักที่ถูกจัดวางไว้

ทว่าประทีปน้อยไม่ยืนยาว เจิดจรัสพร่างพรายได้เพียงไม่นานก็ต้องลาจากโลกนี้ไป

เหลือไว้เพียงความอาดูรโหยหาสลักจิตยามหวนคิดถึงถึงคืนวันแสนหวาน

คิดแล้วให้เศร้าโศกา พักตราของจอมพรายแห่งพนาลัยพลันหม่นหมองลง นัยเนตรฟ้ากระจ่างเปรียบดั่งท้องฟ้าในคิมหันตฤดูเพ่งมองประภาสที่บินวนรอบวรกาย

ปุถุชนล้วนแต่เป็นมรรตัย แม้จักรักใคร่พันผูกเพียงใดสักวันบุรุษผู้นั้นก็จักต้องจากไป

ยามนั้นกาลนิจนิรันดร์อันเป็นพรประเสริฐไหนเลยจักมีค่าหากมิได้เคียงข้างยอดดวงใจ

อัสสุชลหลั่งรินออกมาด้วยแม้มิได้เจตนาจักร่ำไห้ คิดแล้วก็ให้อดน้อยเนื้อต่ำใจมิได้ ใยองค์มหาเทพวาลาร์จึ่งใจไม้ไส้ระกำเช่นนี้

หากประสงค์จักให้ตนมีความรัก ใยต้องทรมานเขามากเพียงนี้ แรกเริ่มก็พรากจากนางอันเป็นที่รักไปจากเขา มาในครานี้ก็ให้ผู้ที่ได้ครอบครองหัวใจดวงของเขาเป็นผู้รู้วายชนม์

เมื่อครั้นยังเยาว์วัยนัก พระยุพราชในกษัตริย์โอโรเฟอร์เคยหยามเหยียดนางพรายลูธิเอน ผู้เลือกละทิ้งชีวิตอมตะอันสูงส่งเพื่อสมรสกับบุรุษนามเบเรน

ในยามนี้ขัตติยะวงศ์แห่งอาณาจักรพงไพรเมิร์ควู้ดเพิ่งได้รู้ซึ้งถึงรสชาติขมขื่นของรักอันยากจะสมหวังได้ของลูธิเอน

แม้จักเพียรผลักไสมนุษย์ผู้นั้นออกไปเพียงใดแต่หทัยของจอมพรายกลับติดตามเขาไปด้วย

ศรรักที่ปักกลางอุรายากแท้จักเยียวยารักษาให้หายได้

พิษรักร้ายนั้นแผ่ซ่านไปทั้งกายาจนไม่อาจต้านทานไถ่ถอนได้

มือของมนุษย์เอื้อมมาแตะต้นพาหาของพรายเจ้า โอบรั้งกายาสูงสง่าเข้าไปกอดไว้แนบแน่น องคุลีหยาบเกลี่ยไล้ปรางนวลซับคราบน้ำตาบนพักตรางามนั้น

“หากแม้เราทั้งสองมิได้มีวาสนามาพบพานกัน เช่นนั้นท่านคิดว่าจักมิต้องเจ็บปวดเช่นนั้นฤๅ” เจ้ามนุษย์ตั้งปุจฉาที่พรายเจ้างดงามนั้นก็ไม่อาจวิสัชนาได้

โอษฐ์บางเม้มสนิทพลางเสพันตร์ไปอีกทางประหนึ่งจักหลบหนี ทว่าจอมธนูแห่งเมืองทะเลสาบมิยอม สองมือที่คุ้นเคยกับสายธนูช้อนประคองดวงหน้าวิลาศล้ำให้ผินกลับมา

“ใยไม่คิดกลับกันบ้างเล่าว่าข้าจักพรั่นพรึงเพียงใดที่ต้องทอดทิ้งท่านให้อยู่เพียงเดียวดาย”

กษัตริย์พรายสูงศักดิ์หันกลับไปจ้องมองมนุษย์จอมอวดดีที่หาญกล้ากอดรั้งวรกายของตนไว้อย่างถือสิทธิ์

“ข้ามิได้หวั่นเกรงต่อมรณา แม้ถึงคราต้องล่วงลับก็หาได้กริ่งเกรงไม่…แต่ที่ห่วงเป็นหนักหนาคือท่านเพียงผู้เดียว”

จักษุสีแมกไม้นั้นจ้องลึกเข้าไปในม่านตาฟ้ากระจ่าง หวังให้ราชาพรายซินดาร์ได้เห็นถึงน้ำใสใจจริงของตน

“แม้รสรักนี้จักขมฝาดเพราะโชคชะตาบันดาลให้เราต้องพรากจากกันในวันข้างหน้า แต่ข้าจักไม่หวาดหวั่นที่จักดื่มมันเพียงเพื่อลิ้มรสหวานล้ำที่ปลายลิ้น”

“ข้าจักทิ้งความขมนั้นไปแลจักจดจำแต่เพียงความหวานอันน้อยนิดที่มี”

แม้ประทีบน้อยของหิ่งห้อยจักดำรงอยู่ได้ไม่นาน ทว่าความชัชวาลของแสงยังคงตราตรึงในความทรงจำของผู้ที่พบเห็นตลอดไป

สิเน่หาระหว่างเผ่าพันธุ์พรายแลมนุษย์ก็เช่นกัน แม้อายุขัยของปุถุชนนั้นไม่ยั่งยืน แต่ความหอมหวนของความทรงจำวิสุทธิ์ในผู้ไร้ตายจัดยังดำรงสืบไป

ในความทรงจำ ผู้ที่พรากจากจักคืนชีพ

ในความทรงจำ อาจทำให้หัวเราะสุขสันต์ หรือ อาจทำให้หลั่งน้ำตาเมื่อยามหวนคำนึง

ราชาพรายแห่งผืนพนาลัยสิ้นไร้ถ้อยวาจาใดจะต่อปากกับมนุษย์จอมดื้อรั้น พาหาโอบรั้งกายาของบุรุษอันเป็นที่รักเบื้องหน้าให้แนบชิดยิ่งขึ้น

เขามิเคยโต้เถียงชนะจอมธนูแห่งเอสการอธได้เลยสักครั้ง

ในเมื่อมนุษย์นั้นยังไม่เกรงกลัวต่ออนาคตที่ยังมิแพ้วผ่านเข้ามาใยพรายจึ่งจักต้องโศกเศร้า

เมื่อตัดใจจักลิ้มลองรสชาติแห่งรักเขาก็พร้อมที่จักกล้ำกลืนไม่ว่าจักรสหวานซ่านหรือขมปร่าที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า

.

.

.

Novelber 2018 – Midnight Blue 2

Checklist: 2nd – Allergy / 23th – Brush / 30th – Sleep

Paring: Bard Bowman x Thranduil (Barduil)

Genre: AU / Out of main plot / Romance (?)

Previously: [ 1 ]

=====

บาร์ดหลับเป็นตายเพราะฤทธิ์วิสกี้ที่ดื่มเข้าไปพอสมควรเมื่อคืน ถ้าไม่ใช่เพราะซิกริดเข้ามาปลุกปานนี้คงได้ไปทำงานสาย

ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่บนเตียงนอนอีกสักพักด้วยสีหน้ามึนงงหลังจากถูกซิกริดเซ้าซี้ปลุกไม่เลิก อาการปวดตุบๆในหัวทำให้บาร์ดรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบเหวี่ยงไปมา

เสียงของลูกสาวคนกลางแว่วมาจากห้องข้างๆหลังจากเธอพยายามปลุกพี่ชายคนโตสุดขี้เซาให้ตื่นและเตรียมตัวไปโรงเรียน

ซิกริดทำหน้าที่ของเธอได้ดีมาก

ปรกติหน้าที่ในการปลุกเด็กๆทุกวันธรรมดาจะเป็นของบาร์ด เขาจะตื่นแต่เช้ามาจัดการเตรียมอาหารเช้าและแพ็คกล่องข้าวกลางวันให้ลูกทุกคน

แต่เมื่อคืนกว่าจะกลับถึงบ้านก็ล่วงเข้าเช้าวันใหม่แล้ว แถมฤทธิ์ของเครื่องดื่มมึนเมายังทำให้เขางัวเงียเกินกว่าจะลุกขึ้นมาได้ตามเวลาปลุกที่ตั้งไว้ ดังนั้นหน้าที่ของเช้าวันนี้เลยตกเป็นของซิกริดไปโดยปริยาย

การอาบน้ำเย็นช่วยทำให้สติของบาร์ดเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น ชายหนุ่มกระวีกระวาดรีบอาบน้ำสระผมแต่งตัว ระหว่างที่มือหนาเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเงินที่วางอยู่เหนือลิ้นชักเก็บของชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย

แผ่นกระดาษทิชชู่สีน้ำตาลที่ได้มาจากชายแปลกหน้าแสนสวยนั้นถูกกระเป๋าเงินของบาร์ดทับไว้อยู่ข้างใต้

จริงๆแล้วบาร์ดควรจะทิ้งมันไปตั้งแต่เมื่อคืน เขาไม่ควรใส่ใจและควรคิดว่ามันเป็นแค่ความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยที่สามารถพบได้ตามสถานที่เริงรมย์ยามค่ำคืนแบบนั้น

แต่บาร์ดยอมรับว่าลึกๆแล้วเขาสลัดภาพของผู้ชายที่แนะนำตัวว่า ธรันดูอิล กรีนลีฟ ออกไปจากสมองไม่ได้

ดวงตาสีประหลาดกับรอยยิ้มลึกลับน่าดึงดูดใจ

เหมือนเป็นหุบเหวลึกที่ไม่มีรู้จุดสิ้นสุด

เป็นปริศนาที่ท้าทายให้คนใคร่รู้ได้ค้นหา

ริมฝีปากเม้มสนิทก่อนที่พ่อม่ายลูกติดจะตัดสินใจหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้น กดหมายเลขโทรศัพท์บนนั้นและบันทึกมันลงในรายชื่อคนติดต่อ

ชายหนุ่มยืนพิมพ์เมสเสจยุกยิกอยู่สักพักก่อนจะได้ยินเสียงเรียกของลูกสาวคนกลางเร่งให้้เขาลงไปทานอาหารเช้าได้แล้ว

บาร์ดตะโกนตอบรับซิกริดก่อนจะกดส่งข้อความออกไป โทรศัพท์มือถือถูกวางไว้บนเตียงนอนเรียบร้อย บาร์ดสาวเท้าเดินลงบันไดไปชั้นล่างของบ้านโดยมีเป้าหมายเป็นกลิ่นหอมหวานของแพนเค้กที่ลอยฟุ้งออกมาจากห้องครัว

To: Thranduil

อรุณสวัสดิ์ ผมโบว์แมน เมื่อคืนคุณก็ดื่มแยะอยู่ หวังว่าเช้านี้คุณจะไม่แฮงค์นะ

B.B.

.

.

.

.

เสียงโทรศัพท์ที่สั่นแจ้งเตือนข้อความเข้าปลุกให้ธรันดูอิลที่กำลังหลับอยู่ให้ตื่นขึ้น ร่างโปร่งพลิกตัวเอื้อมมาหยิบเครื่องมือสื่อสารไปเปิดดูข้อความที่ถูกส่งมา

รอยยิ้มบางแย้มบนเรียวปากสวยก่อนที่ชายหนุ่มผมทองจะกดพิมพ์ข้อความตอบกลับไป

To: Bard

ขอบคุณที่ช่วยปลุก พ่อคนรูปหล่อ ผมไม่แฮงค์เลยสักนิด ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี

T.G.

ธรันดูอิลได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของลูกชาย เลโกลัสที่น่าตื่นสักพักแล้วและกำลังเตรียมตัวจะไปโรงเรียนดังมาจากนอกห้อง

ชายหนุ่มสะบัดผ้าห่มออกก่อนลุกจากเตียงแล้วเดินตรงเข้าห้องน้ำไป สายน้ำอุ่นกำลังดีทกับกลิ่นสบู่หอมอ่อนๆช่วยให้สมองของเขาปลอดโปร่ง ธรันดูอิลรีบแต่งตัว แปรงผมอย่างถนุถนอมก่อนจะเดินลงมาชั้นล่างของบ้าน

“อรุณสวัสดิ์ อดา” เสียงใสๆของเด็กน้อยที่กำลังนั่งแกว่งขาเล่นบนเก้าอี้รออาหารมาเสิร์ฟเอ่ยทักทายเมื่อเห็นบิดาเดินลงมา

“อรุณสวัสดิ์ครับ เจ้าใบไม้น้อย” เลโกลัสชอบให้อดาเรียกเขาเจ้าใบไม้น้อย

ธรันดูอิลเดินเข้าไปหาบุตรชายแล้วโน้มศีรษะลงไปจุมพิตศีรษะกลมทุยปกคลุมด้วยเรือนผมสีทองแบบเดียวกับเขา

อาหารเช้าแบบง่ายๆถูกเสิร์ฟโดยเฟเรน พ่อบ้านที่ทำงานที่นี้มานาน ธรันดูอิลปฏิเสธไม่ขอทานมื้อเช้าแม้จะถูกเฟเรนตำหนิเพราะเป็นห่วงก็ตาม แต่เขาขอเป็นชาร้อนมาดื่มเพื่อไล่ความง่วงงุนแทน

เลโกลัสเดินมาหอมแก้มเขาก่อนจะโบกมือบ๊ายบายแล้ววิ่งออกไปขึ้นรถบัสโรงเรียนที่มารับ ธรันดูอิลตะโกนไล่หลังให้เด็กชายสวมเสื้อผ้าอบอุ่นตลอดวันเพราะอากาศวันนี้ค่อนข้างเย็น เลโกลัสค่อนข้างเซนซิทีฟและอาจเป็นภูมิแพ้ได้ง่ายเวลาอากาศเปลี่ยนแปลง ซึ่งนั่นก็น่าจะมาจากเขา เพราะธรันดูอิลเองก็ป่วยง่ายช่วงอากาศแปรปรวน

บ้านใหญ่หลังนี้มีเพียงแค่เขา เลโกลัส และเฟเรนเท่านั้น ธรันดูอิลได้รับมันสืบต่อมาจากพ่อแม่หลังจากพวกเขาเสียชีวิตในอุบัติเหตุนานมาแล้ว

ถึงแม้ที่แห่งนี้จะใหญ่โตแค่ไหน แต่บ้านของเขาไม่ได้เงียบเหงามากมายอย่างที่หลายคนคาดคิด

เสียงหัวเราะสดใสของเลโกลัส ลูกชายคนเดียวของธรันดูอิลช่วยขับไล่ความหม่นหมองออกไป และธรันดูอิลก็รักลูกชายของเขามาก

เมื่อดื่มชาจนหมดธรันดูอิลก็ตระหนักว่าเขาควรเริ่มงานของวันนี้ได้แล้ว เฟเรนรับถ้วยกระเบื้อบเคลือบไปจัดการก่อนจะขอตัวไปดูแลงานในบ้านอื่นๆต่อ

ชายหนุ่มม้วนชายแขนเสื้อยาวที่สวมอยู่ขึ้นพร้อมกับพันตลบผมยาวสลวยขึ้นไปเป็นก้อนบันกลางศีรษะก่อนจะรวบเอาพู่กันสกปรกที่กองรวมกันบนโต๊ะข้างถาดผสมสีไปล้างทำความสะอาด

เสร็จจากการล้างพู่กัน ร่างสูงเดินมาหย่อนตัวนั่ง เบื้องหน้าเขาคือผืนผ้าขนาดใหญ่ที่ถูกแต่งแต้มสีสันไว้เป็นภาพป่าเขียวขจีอุดมสมบูรณ์ ไกลออกไปจากป่า ธรันดูอิลร่างเค้าโครงที่พอจะมองออกเป็นเขาสูงตั้งตระหง่านเดียวดายใต้แสงอาทิตย์อัสดง

มือเรียวหยิบพู่กันชุดใหม่ขึ้นบรรจงลากเส้นละเลงสีต่างๆลงไป ดวงตาหรี่พินิจพิเคราะห์ภาพวาดก่อนจะจรดปลายพู่กันต่อ

เวลาทำงานธรันดูอิลจะจริงจัง มุ่งมั่นกับงานตรงหน้าจนเหมือนหลุดออกไปจากโลกแห่งความเป็นจริง เขาหลงลืมมื้ออาหารและเวลาไปจนหมดสิ้นหากไม่มีใครสักคนหรืออะไรอย่างมาเบี่ยงเบนความสนใจ

เสียงสั่นครืดติดต่อไม่ยอมเลิกของโทรศัพท์ช่วยดึงให้ชายหนุ่มหันกลับไปมอง มือขาววางพู่กันในมือลงพลางลุกขึ้นเดินไปหยิบอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาดู ก่อนจะสังเกตุเห็นถาดของว่างที่เย็นชืดไปนานแล้ววางอยู่ไม่ไกล คงเป็นเฟเรนที่เอามาวางไว้ให้แต่เขาไม่ทันรู้ตัว

นาฬิกาบนหน้าจอบอกเวลาว่าใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว อีกไม่นานลูกชายของเขาจะกลับจากโรงเรียน

ข้อความแจ้งเตือนว่ามีใครหลายคนพยายามโทรติดต่อเขามาตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา ธรันดูอิลสัมผัสปลายนิ้วลงบนหน้าจอเปิดแอปพลิเคชั่นข้อความขึ้นมาอ่าน

ดวงตาสีฟ้าเหลือบเทาไล่มองข้อความยามพรืดพลางกดลบอันที่้มองว่าไม่สำคัญทิ้งอย่างไม่ใยดี

ธรันดูอิลหยุดมองข้อความที่มาจากชายหนุ่มผมหยักศกที่เขาพบเมื่อคืนเล็กน้อนก่อนแตะเปิดกล่องข้อความอ่านด้วยความสนใจ

From: Bard

สงสัยจะทำให้คุณผิดหวัง ตื่นมาผมปวดหัวแทบระเบิดแต่เช้าเลย แล้วคุณละวันนี้เป็นยังไงบ้าง?

คนอ่านแอบอมยิ้ม ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป

To: Bard

หวังว่าคุณจะได้พักแยะๆคืนนี้ ดื่มน้ำมากๆผมว่ามันช่วย วันนี้ของผมน่าเบื่อสุดๆ ไม่มีอะไรพิเศษเลย

ธรันดูอิลตั้งใจจะวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ที่เดิมหากว่าไม่มีเสียงข้อความเข้ามาเสียก่อน ชายหนุ่มผมทองไม่ได้คาดหวังอีกฝ่ายจะตอบกลับได้เร็วขนาดนี้ แต่เขาก็กดข้อความอ่านต่อ

From: Bard

สำหรับผมนี่แทบจะนึกคำว่าน่าเบื่อไม่ออกเลย

To: Bard

ชีวิตมีความขึ้นลงเป็นโรลเลอร์ โคสเตอร์หรือยังไงพ่อรูปหล่อ

From: Bard

ยิ่งกว่านั้นในทุกๆวันอีก แต่คุณคงไม่อยากมานั่งฟังคนนั่งบ่นเท่าไรหรอก

To: Bard

บางทีมันก็ไม่แน่ไม่นอนเสมอไปหรอก ผมอาจอยากฟังเรื่องของคุณก็ได้ มิสเตอร์โบว์แมน

From: Bard

เฮ้ งั้นคุณพอจะมีช่วงไหนสะดวกบ้างไหมละ?

To: Bard

นี่คุณกำลังพยายามชวนผมออกเดทหรือเปล่า?

From: Bard

นั่นก็แต่มุมมองของแต่ละคนเลย มิสเตอร์กรีนลีฟ

ธรันดูอิลเม้มปากนิดๆกับข้อความที่อ่านดูเย้ายวนล่อลวงแบบนั้น ปลายนิ้วเรียวกดพิมพ์ข้อความแล้วกดส่งไปหาปลายทาง

To: Bard

งั้นคุณมีร้านไหนในสนใจบ้างไหมละ?

From: Bard

คุณถามผมแบบนี้ ผมแปลว่าคุณโอเคจะมาเจอกันได้ใช่ไหม

To: Bard

ผมโอเคแน่นอน ผมอยากพบคุณจะแย่แล้ว

From: Bard

เยี่ยมไปเลย คุณสะดวกวันไหนบ้าง ผมเลิกงานห้าโมงเย็น ว่างวันสุดสัปดาห์

To: Bard

สองวันนี้จากนี้ผมไม่สะดวก พอดีติดเดดไลน์งาน แต่ถ้าเป็นเย็นวันเสาร์นี้ก็เยี่ยมไปเลย

From: Bard

โอเค ตกลงตามนี้ แล้วเราค่อยคุยมาเรื่องสถานที่นัดอีกทีแล้วกัน

To: Bard

ได้เลย คุณโบว์แมนสุดเท่

From: Bard

แล้วเจอกันนะคุณนายแบบกรีนลีฟ

From: Bard

อ่อ อีกอย่างหนึ่งคือผมดีใจนะที่คุณอยากเจอผม ผมอยากทำความรู้จักกับคุณ

หัวคิ้วเข้มมุ่นเข้าหากันเมื่อเขาอ่านจนจบประโยค รอยยิ้มที่แย้มนิดๆในตอนแรกค่อยๆหุบลง

ประโยคธรรมดาที่เคยเห็นผ่านตามาไม่รู้กี่ครั้ง ทำให้ใจของเขาทั้งพองฟูและหนักอึ้งไปในเวลาเดียวกัน

ธรันดูอิลนึกสงสัยว่าบาร์ดจะทำสีหน้าเช่นไรตอนที่เขาตอบตกลงจะไปเจอ อีกฝั่งจะดีใจตื่นเต้นไหม หรือมันก็แค่การไปพบเจอคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น

เสียงประตูบ้านที่เปิดออกดึงให้ธรันดูอิลละความสนใจจากอุปกรณ์สื่อสารในมือ เขาวางมันทิ้งไว้บนเบาะโซฟาก่อนจะเดินออกไปต้อนรับลูกชายที่เพิ่งกลับมาจากโรงเรียน

ความอลหม่านเกิดขึ้นเมื่อเฟเรนสังเกตุเห็นว่าเด็กชายผมทองเริ่มมีอาการไอและหายใจลำบาก แต่เลโกลัสก็ยังยืนกรานว่าตัวเองแข็งแรงดี

ธรันดูอิลต้องกดดันเล็กน้อยให้เด็กน้อยยอมสารภาพว่าจริงๆวันนี้เขาแอบหนีออกไปเล่นวิ่งไล่จับกับเพื่อนๆโดยไม่สวมเสื้อคลุม

คืนนั้นเจ้าตัวยุ่งของธรันดูอิลยิ่งไอหนักขึ้นแถมมีน้ำมูกไหลไม่หยุด คนเป็นพ่อต้องมัวแต่สาละวนกับการจัดยา เช็ดเนื้อตัวและรีบหาเสื้อผ้าอุ่นๆมาใส่เลโกลัส

เด็กชายได้ทีใช้เรื่องป่วยอ้อนขอให้อดาร้องเพลงกล่อมให้ฟัง แน่นอนว่าธรันดูอิลไม่กล้าปฏิเสธคำขอของลูกชาย

จบหนึ่งเพลง ก็มีขอเพลงที่สอง กว่าที่ลูกชายจะหลับสนิทจริงๆก็ปาไปเกือบเที่ยงคืนเล่นเอาจิตรกรหนุ่มแทบหมดเรี่ยวแรงเลยทีเดียว

To Be Continue ~

=====

Novelber 2018 – Midnight Blue 1

Checklist: 1st – Jazz / 8th – London / 11th – Smile / 18th – Facepalm / 21th – Account

Paring: Bard Bowman x Thranduil (Barduil)

Genre: AU / Out of main plot / Romance (?)

วูบมาแต่งเพราะชอบหัวข้อ Novelber ปีนี้ค่ะ แต่จะมีต่อไหมไม่แน่ใจนะคะ มาแบบลักปิดลักเปิด 😂 แต่ใจจริงก็อยากแต่งต่อนะคะ 😭😭

=====

ลอนดอนไม่ได้เป็นเมืองที่น่าอยู่ในความคิดของบาร์ด

จริงอยู่ที่ลอนดอนมีความสวยในรูปแบบของตัวเอง เป็นที่ตั้งของพระราชวังบักกิงแฮม หอนาฬิกาบิกเบนลือชื่อ มีชิงช้าสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ติดอันดับของโลก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้บาร์ดอยากอยู่ในลอนดอนมากเท่าไร

ไม่นับเรื่องอากาศที่สุดแสนจะแปรปรวน เดี๋ยวฝนตกเดี๋ยวแดดออก บางทีก็มีเมฆหมอกหนาทึบทำเอาอึมครึมไปตลอดวัน สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือเรื่องค่าครองชีพที่แพงหูฉี่เมื่อเทียบกับเมืองข้างเคียงอย่าง บริกตัน หรือ เคมบริดจ์

แต่ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละ ห่างไกลเมืองหลวงออกไป โอกาสดีๆสำหรับหน้าที่การงานมันก็น้อยตามไปด้วย

ตอนนี้บาร์ดเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว มีภาระต้องดูแลปากท้องอีกสามชีวิตหลังจากภรรยาคู่ชีวิตได้เสียชีวิตไป เธอจากไปอย่างน่าเศร้าหลังให้กำเนิดทิลด้าน้อยที่แสนน่ารักได้ไม่วัน

สิ่งที่บาร์ดต้องการมากที่สุด คือ การที่ลูกๆของเขาได้กินอิ่ม นอนอุ่น มีการศึกษาที่ดี และมีอนาคตที่สดใส

พูดง่ายแต่ทำได้ยาก!

เบอินและซิกริดอายุใกล้จะเข้าเรียนวิทยาลัยได้แล้ว ส่วนทิลด้ายังเรียนประถมอยู่

เด็กๆทั้งสามคือเหตุผลที่ว่าทำไมบาร์ดยังคงทนอยู่ในลอนดอนแม้จะไม่ชอบ

ลูกคือแรงบันดาลใจให้บาร์ดลุกจากเตียงไปทำงานในทุกๆเช้า รอยยิ้มของเบอินกับซิกริดและเสียงหัวเราะสดใสของทิลด้าสร้างกำลังใจให้บาร์ดทุกครั้งที่เขาท้อแท้

บาร์ดวางแผนเปิดบัญชีธนาคารแยกไว้อีกบัญชีหนึ่งเพื่อเตรียมไว้เป็นทุนการศึกษาของเด็กๆโดยเฉพาะ เขาจะทำบัญชีรายรับรายจ่ายและใช้เงินอย่างระมัดระวังที่สุดในแต่ละเดือนเพื่อให้มั่นใจว่าลูกๆของเขาจะมีเงินพอเพียงทั้งค่ากินอยู่และค่าเทอม

แต่วันนี้บาร์ดก็สุดจะทนและเขารู้ตัวว่าเขาต้องการอะไรสักอย่างแรงๆมาดื่มแก้เครียดหลังจากโดนหัวหน้างานอัลเฟรดตำหนิเรื่องการทำงานโดยเขาไม่มีความผิดอะไร

ชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้สูงติดกับเคาเตอร์บาร์เอ่ยปากสั่งสก็อตวิสกี้ด้วยสีหน้าฉุนเฉียว บาร์เทนเดอร์หน้าละอ่อนรับคำสั่งโดยไม่ปริปากถามใดๆ แก้วใสบรรจุน้ำสีอำพันถูกเลื่อนมาวางตรงหน้า บาร์ดคว้าแก้วนั้นขึ้นมาดื่มแบบไม่ลังเล

ความผิดพลาดในงานวันนี้ไม่ใช่ส่วนของเขาเลยสักนิด แต่เพราะมาสเตอร์ของบริษัทเลคทาวน์ต้องการหาใครสักคนมารับผิดชอบ และคนที่เหมาะสมจะเป็นแพะรับบาปมากที่สุดก็หนีไม่บาร์ด คนที่หัวหน้าอัลเฟรดแสนจะเกลียดขี้หน้าที่สุด

เสียงเพลงแจ๊สนุ่มๆที่บรรเลงอยู่ไม่อาจขจัดความขุ่นมัวในใจของบาร์ดไปได้เลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มยังคงยกมือสั่งเครื่องดื่มมึนเมาเพิ่มโดยไม่สนใจรับฟังความสุนทรีย์รอบด้าน

ปรกติบาร์ดไม่ได้ดื่มเหล้าดีๆราคาแพงในบาร์หรูหราแบบนี้บ่อยนัก เวลาเครียดหรือกลุ้มใจเขาจะดื่มแค่เบียร์กระป๋องราคาถูกที่ซื้อจากร้านขายของชำพลางนั่งปรับทุกข์กับเพอร์ซี่ เพื่อนบ้านวัยชราที่รู้จักกันมานาน

แต่วันนี้บาร์ดยอมสละเงินแยะขึ้นเพราะต้องการอะไรที่แรงกว่าเบียร์ช่วยย้อมใจที่กำลังโกรธเคืองให้บรรเทาลงและช่วยให้้เขาหลับสบายขึ้นในค่ำคืนนี้

แม้ว่ามันอาจจะทำให้ตอนสิ้นเดือนเดือนนี้บาร์ดต้องลำบากในการจัดการเงินเพิ่มขึ้น แต่เขาก็ยินยอม เรียกได้ว่าเป็น Guilty Pleasure นานๆครั้งสำหรับชายหนุ่ม

ระหว่างกำลังยกแก้วขึ้นกระดกเอาวิสกี้เข้าปากตัวเองนั้นบาร์ดรับรู้ได้ถึงสายตาหนึ่งที่จ้องมาจากมุมเคาเตอร์ฝั่งตรงข้าม ชายหนุ่มลดมือวางถ้วยใสลงบนเคาเตอร์ไม้โอ๊คสีเข้มพลางมองกลับไปยังคนที่กำลังส่งสายตามาทางเขา

ดวงตาสีน้ำตาลสบเข้ากับม่านตาสีฟ้าเจือเทาก่อนที่รอยยิ้มน้อยๆจะคลี่เหนือริมฝีปากสีอ่อนของเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำแข็งคู่นั้น

บาร์ดรู้สึกเหมือนลมหายใจสะดุดขาดช่วงโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าสะสวยนั้น

อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้หญิงข้อนี้บาร์ดแน่ใจ สังเกตุดูจากเค้าโครงหน้าที่ค่อนข้างคม เรียวคิ้วเข้ม โหนกแก้มสูง กรอบหน้าชัดเจน และช่วงบ่ากว้างใต้ชุดสีเข้ม

เจ้าของดวงตาสีฟ้าเหลือบเทาคู่นั้นดูโดดเด่นมากแม้มองจากจุดที่บาร์ดนั่งอยู่ ทั้งใบหน้ากึ่งสวยกึ่งหล่อ ดูสะอาดสะอ้านเจ้าสำอางค์นิดๆ รูปร่างผึ่งผาย แถมท้ายด้วยเส้นผมยาวสลวยจรดกลางหลังที่ถูกรวบมัดไว้อย่างดี

ดูเหมือนพวกนายแบบที่หลุดออกมาจากหน้าปกนิตยสารแฟชั่นที่ซิกริดชอบไม่ผิด!

หลายครั้งที่ดวงตาของทั้งสองสบกันตลอดเวลาที่บาร์ดนั่งอยู่ที่บาร์ ซึ่งชายหนุ่มกล้าสาบานว่าเขาไม่ได้คิดไปเองแน่นอน

นาฬิกาในโทรศัพท์มือถือของบาร์ดสั่นเตือนบอกเวลาว่าตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว นั่นหมายความว่าถึงเวลาที่เขาควรจะกลับบ้านได้แล้ว

ถึงเวลาสลายมนต์ซินเดอเรลล่าแล้วกลับสู่ความจริง!

บาร์ดกระดกวิสกี้แก้วสุดท้ายจนหมดก่อนจะวางเงินไว้บนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปยังชายแปลกหน้าที่บาร์ดได้สบตาด้วยตลอดคืน

แต่เขาคนนั้นไม่ได้นั่งอยู่ที่เก้าอี้ของตัวเองอีกแล้ว!

เขารู้สึกวูบโหวงในใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ที่ไม่มีโอกาสแม้จะได้ทำความรู้จักกับผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นเลย

“ถึงเวลาที่ซินเดอเรลล่าจะต้องกลับบ้านด้วยรถม้าฟักทองแล้วหรือ?”

เสียงทุ้มดังขึ้นด้านข้างโดยที่บาร์ดเองก็ไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปพบดวงตาสีน้ำแข็ง

“คุณนั่นเอง”

ชายหนุ่มผมทองยาวคลี่ยิ้มอย่างสุภาพ “ขอโทษที่ทำคุณให้ตกใจ แต่ผมเห็นคุณกำลังจะกลับแล้ว”

“อ่อ ใช่ ผมกำลังจะกลับแล้ว เที่ยงคืนแล้วนี่” บาร์ดพูดพลางแกล้งเปิดจอโทรศัพท์ดูนาฬิกาอีกครั้งเพื่อกลบความประหม่า

ตอนที่แอบมองจากจุดที่้เขานั่งอยู่ บาร์ดก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้สวยแล้ว แต่อีกฝ่ายยิ่งดูงดงามเหมือนภาพวาดเวลาที่ได้มองในระยะประชิดขนาดนี้

“คุณ…ดูดีมากเลยนะ” บาร์ดลังเลที่จะเอ่ยชมออกไปแต่ก็โล่งใจที่เห็นว่าคนถูกชมยิ่งยิ้มกว้าง

“คุณเองก็ดูดีเหมือนกันนะ” คำชมกลับทำให้บาร์ดยิ่งเขินจนต้องยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยเพราะไม่รู้จะเอามือตัวเองไปวางไว้ตรงไหนดี

มันดูประดักประเดิดเล็กน้อยเมื่อคนที่กำลังเอ่ยปากชมเขาดูดีเสียจนบาร์ดอยากจะถอนหายใจซ้ำๆ

“ผมธรันดูอิล กรีนลีฟ ยินดีที่ได้รู้จัก” มือขาวเรียวยื่นออกมาหาพร้อมแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ

“บาร์ด โบว์แมน” บาร์ดจับมือของธรันดูอิลพลางแนะนำตัว

มือของชายหนุ่มผมทองยาวนั้นนิ่มมาก เป็นมือของคนที่ไม่ต้องเผชิญความยากลำบากแบบที่บาร์ดแน่นอน

“ดึกแล้วยังไงผมต้องขอตัวก่อนนะ ราตรีสวัสดิ์คุณกรีนลีฟ”

แม้จะไม่อยากดึงมือออกจากผิวนิ่มลื่นนั้นเลยแต่บาร์ดก็ต้องพยายามตัดใจ

“ประเดี๋ยวก่อน” ธรันดูอิลยังคงรั้งบาร์ดไว้พร้อมยื่นกระดาษเช็ดปากสีน้ำตาลให้

“นี่เบอร์โทรศัพท์ของผม เผื่อคุณจะยังอยากคุยกับผมอยู่”

บาร์ดหรี่ตามองประเมินแผ่นกระดาษบางๆในมือนั้น “คุณมั่นใจได้ยังไงว่าผมจะยังอยากคุยกับคุณต่อ”

รอยยิ้มยกขึ้นที่มุมปาก มองดูเป็นการเหยียดยิ้มประหลาดๆ แต่บาร์ดไม่อยากเก็บมาใส่ใจ “แต่ผมคิดว่าคุณยังอยากคุยกับผม”

ธรันดูอิลดูมั่นใจเต็มร้อยจนบาร์ดอดนึกระแวงไม่ได้

“คุณรู้ได้ยังไง?”

“เอาเป็นว่าผมมีญาณหยั่งรู้แล้วกัน” ดวงตาสีฟ้าเทาขยิบส่งวิ้งน้อยๆดูเหมือนปีศาจน้อยแสนซน

บาร์ดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปรับเศษกระดาษใบน้อยจากธรันดูอิลมาใส่กระเป๋าเสื้อไว้ มือหนาควานหากระเป๋าเงินในกางเกงตัวเองออกมาหยิบนามบัตรที่ทำงานส่งให้

“นี่เบอร์ติดต่อผม”

“ขอบคุณนะคุณโบว์แมน” ชายหนุ่มผมทองรับนามบัตรของบาร์ดมาด้วยรอยยิ้มมาดมั่น ใบหน้าสวยนั้นโน้มเข้ามาใกล้ก่อนสัมผัสบางเบาของริมฝีปากสีอ่อนนั้นจะประทับลงบนข้างแก้มซ้ายของบาร์ด

ธรันดูอิลจากไปแล้วหลงเหลือไว้เพียงรอยไออุ่นบนแก้มของบาร์ดกับกลิ่นหอมอ่อนจางสดชื่นของโคโลญจน์ที่คนตัวสูงใช้

บาร์ดได้แค่ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองหลายๆครั้ง

นี่เขากำลังสร้างปัญหาให้ตัวเองหรือเปล่า!?

พ่อม่ายลูกสามได้แค่เพียงรำพึงรำพันในใจตัวเองตอนที่เปิดประตูบาร์เพื่อเดินทางกลับบ้าน

To Be Continue (?)

=====

ช่วงมีสาระ

ชื่อเรื่อง Midnight Blue มีที่มาจากสีใน Color Wheel of Love ซึ่งส่วนมากจะจัดให้ความรักแบบ Ludus เป็นสีน้ำเงิน เราเลยเอามาตั้งชื่อเรื่องเสียเลย เพราะง่ายดีไม่ต้องคิดแยะค่ะ 😂

สามารถไปชมภาพวงล้อสีตามลิ้งก์ที่แนบด้านล่างนี้ได้เลยนะคะ

Source: – Link